ติดฉนวนใยแก้ว ฉนวนกันความร้อน แล้วทำไมบ้านยังร้อน?การที่คุณติดฉนวนใยแก้วแล้วบ้านยังร้อนอยู่นั้นเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยครับ เนื่องจากฉนวนใยแก้วมีหน้าที่หลักคือ "หน่วง" หรือ "ต้านทาน" การถ่ายเทความร้อน ไม่ได้ "กำจัด" ความร้อนออกไปทั้งหมด และความร้อนสามารถเข้าสู่ตัวบ้านได้จากหลายช่องทาง ไม่ใช่แค่ทางหลังคาหรือฝ้าเพดานเท่านั้น
นี่คือสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้บ้านของคุณยังร้อนอยู่ แม้จะติดตั้งฉนวนใยแก้วแล้ว:
ความร้อนเข้าสู่บ้านจากช่องทางอื่นนอกเหนือจากหลังคา:
ผนังบ้าน: ผนังด้านที่โดนแดดโดยตรง โดยเฉพาะทิศตะวันตกและทิศใต้ จะรับและสะสมความร้อนไว้มาก หากผนังไม่ได้ถูกบุด้วยฉนวน หรือใช้วัสดุผนังที่ระบายความร้อนได้ไม่ดี ความร้อนจะแผ่เข้าสู่ภายในบ้าน
หน้าต่างและประตู: กระจกใสเป็นตัวนำความร้อนที่ดีมาก แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในบ้านโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงบ่าย จะนำพาความร้อนเข้ามาอย่างมหาศาล รวมถึงช่องว่างรอบๆ ขอบประตูและหน้าต่างที่อาจมีอากาศร้อนรั่วเข้ามาได้
พื้นบ้าน: หากบ้านมีช่องใต้ถุนหรือพื้นสัมผัสกับพื้นดินโดยตรงที่รับความร้อนจากแดดหรือพื้นดินร้อนๆ ก็อาจทำให้เกิดการถ่ายเทความร้อนเข้ามาได้
ช่องว่าง/รอยรั่วอื่นๆ: เช่น ช่องว่างรอบๆ ท่อ, สายไฟที่เจาะผนัง, หรือรอยต่อของโครงสร้างที่ไม่สนิท อาจเป็นช่องให้อากาศร้อนจากภายนอกไหลเข้ามา
ปัญหาในการติดตั้งฉนวนใยแก้ว:
ความหนาไม่เพียงพอ: ฉนวนใยแก้วมีประสิทธิภาพในการกันความร้อน (ค่า R-Value) แตกต่างกันไปตามความหนา หากเลือกฉนวนที่บางเกินไป อาจไม่เพียงพอที่จะต้านทานความร้อนในสภาพอากาศร้อนจัดอย่างประเทศไทย
การติดตั้งไม่สมบูรณ์/มีช่องว่าง: หากการติดตั้งฉนวนไม่ทั่วถึง มีช่องว่าง ช่องโหว่ หรือรอยต่อที่ไม่แนบสนิท ความร้อนก็จะสามารถเล็ดลอดเข้ามาในช่องว่างเหล่านั้นได้
ฉนวนเปียกหรือยุบตัว: หากฉนวนใยแก้วโดนน้ำรั่วซึมจากหลังคา หรือถูกกดทับจนยุบตัว ประสิทธิภาพในการกันความร้อนจะลดลงอย่างมาก
ไม่มีช่องว่างอากาศ (Air Gap) ที่เหมาะสม: ฉนวนใยแก้วส่วนใหญ่ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมีช่องว่างอากาศอยู่ด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้าน การติดแนบกับวัสดุอื่นมากเกินไปอาจลดประสิทธิภาพลง
ปัญหาการระบายอากาศภายในบ้านและใต้หลังคา:
ความร้อนสะสมภายในบ้าน: แม้ฉนวนจะป้องกันความร้อนจากภายนอกได้ แต่ความร้อนที่เกิดจากกิจกรรมภายในบ้าน (เช่น การทำอาหาร, การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า, แสงไฟ) และความร้อนจากร่างกายคน ก็จะสะสมอยู่ภายใน หากไม่มีการระบายอากาศที่ดี (เช่น เปิดหน้าต่าง, ติดตั้งพัดลมดูดอากาศ) ความร้อนก็จะคั่งค้าง
อากาศร้อนใต้หลังคา (Attic Heat Buildup): แม้จะติดตั้งฉนวนใต้ฝ้าเพดานหรือใต้หลังคาแล้ว แต่ช่องว่างใต้หลังคา (Attic) หากไม่มีระบบระบายอากาศที่ดี (เช่น ช่องระบายอากาศที่จั่ว, ลูกหมุนระบายอากาศ) อากาศร้อนจะสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก และแผ่รังสีลงมาสู่ฉนวน ทำให้ฉนวนต้องทำงานหนักขึ้น และบางส่วนอาจส่งผ่านความร้อนลงมาได้
ปัจจัยด้านการออกแบบและวัสดุของตัวบ้านเอง:
ทิศทางของบ้าน: บ้านที่หันด้านที่มีหน้าต่างมากไปทางทิศตะวันตก จะรับแดดบ่ายเต็มที่ ทำให้ร้อนจัด
สีของหลังคาและผนัง: สีเข้มจะดูดซับความร้อนได้ดีกว่าสีอ่อน
ชนิดของวัสดุมุงหลังคา: วัสดุบางชนิดสะสมความร้อนได้มากกว่า
การขาดร่มเงา: ไม่มีต้นไม้ใหญ่ หรือกันสาดช่วยบังแดดให้ผนังหรือหน้าต่าง
การระบายอากาศตามธรรมชาติไม่เพียงพอ: การออกแบบบ้านที่ไม่มีช่องลมให้ลมพัดผ่าน ทำให้บ้านไม่มีการถ่ายเทอากาศ
แนวทางแก้ไขเพื่อทำให้บ้านเย็นขึ้น:
หากคุณพบว่าบ้านยังร้อนอยู่แม้จะติดฉนวนใยแก้วแล้ว ลองพิจารณาแนวทางแก้ไขเหล่านี้:
ตรวจสอบประสิทธิภาพของฉนวนที่มีอยู่:
ความหนา: ตรวจสอบว่าฉนวนมีความหนาที่เหมาะสมหรือไม่ (แนะนำ 6 นิ้วขึ้นไปสำหรับหลังคา)
สภาพฉนวน: ตรวจสอบว่าฉนวนไม่มีรอยขาด, ยุบตัว, หรือเปียกชื้น
การติดตั้ง: ตรวจสอบว่าไม่มีช่องว่างหรือรอยต่อที่หลงเหลือจากการติดตั้ง
ปรับปรุงการระบายอากาศใต้หลังคา:
ติดตั้งช่องระบายอากาศที่จั่วหลังคา (Gable Vents)
ติดตั้งลูกหมุนระบายอากาศ (Roof Ventilators) หรือพัดลมระบายอากาศในช่องใต้หลังคา (Attic Fan) เพื่อช่วยดึงความร้อนสะสมออกไป
จัดการความร้อนที่เข้าทางผนัง:
ปลูกต้นไม้ใหญ่หรือไม้เลื้อยช่วยบังแดดที่ผนัง
ติดตั้งแผงระแนงกันแดด หรือกันสาดที่ผนังด้านที่รับแดดจัด
ทาสีผนังภายนอกด้วยสีโทนอ่อน หรือสีสะท้อนความร้อน (Cool Paint)
พิจารณาบุฉนวนที่ผนัง หากยังไม่ได้ทำ
จัดการความร้อนที่เข้าทางหน้าต่างและประตู:
ติดฟิล์มกรองแสงกันความร้อนที่หน้าต่าง
ใช้ม่านกันแดด หรือมู่ลี่กันแสงที่ช่วยบล็อกความร้อนได้ดี (เช่น ม่าน Blackout)
ติดตั้งกันสาดหรือชายคายื่นยาวเพื่อบังแดดให้หน้าต่าง
ตรวจสอบและอุดช่องว่างรอบประตูและหน้าต่าง เพื่อป้องกันอากาศร้อนรั่วเข้ามา
ปรับปรุงการระบายอากาศภายในบ้าน:
เปิดหน้าต่างและประตูให้ลมพัดผ่านได้สะดวก ในช่วงเช้าและเย็นที่อากาศภายนอกเย็นกว่า
ติดตั้งพัดลมดูดอากาศในห้องครัวและห้องน้ำ เพื่อระบายความร้อนและความชื้น
ใช้พัดลมช่วยเป่าลมร้อนออกไปจากตัวบ้าน
ลดแหล่งกำเนิดความร้อนภายในบ้าน:
เปลี่ยนหลอดไฟแบบไส้ หรือหลอดฮาโลเจนที่ให้ความร้อนสูง เป็นหลอด LED
ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน
ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟน้อยและสร้างความร้อนน้อย
การทำให้บ้านเย็นสบายอย่างแท้จริง มักจะต้องพิจารณาถึงการทำงานร่วมกันของปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ใช่แค่ฉนวนกันความร้อนเพียงอย่างเดียวครับ