แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 81
1
จัดฟันเด็ก มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

เด็กๆหลายคนมีปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปากและฟัน ซึ่งในวัยเด็กนั้นการรับประทานอาหารถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากในวัยเด็ก หลายคนคงจะชื่นชอบอาหารที่มีรสหวานชอบรับประทานขนม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดฟันผุที่เป็นปัญหาที่เด็กหลายคนมักต้องเจอและถ้าหากผู้ปกครองไม่คอยดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันของบุตรหลานของท่านแล้ว ก็เสายงที่จะก่อให้เกิดการสูญเสียฟันได้

ซึ่งการสูญเสียฟันนั้นจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันทำให้เกิดปัญหาของรูปร่างของฟันของเด็กและจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา โดยอาจจะส่งผล แก่ฟันบริเวณข้างเคียงด้วย เช่น ปัญหาการเกิดการสบฟันที่ผิดปกติ ฟันห่าง ฟันล้ม ฟันซ้อนเก ซึ่งมีปัญหามาจากการเกิดฟันผุจนถึงขั้นการสูญเสียฟัน ในวัยเด็กควรจะดูแลเขาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มาก เพื่อป้องกันปัญหาการเกิดฟันผุในเด็ก แต่ในปัจจุบันนี้ การรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กมีด้วยกันหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันในเด็ก

ซึ่งต้องบอกว่า การจัดฟันในเด็กนั้นเป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่เด็กสามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ7- 15 ปี เพราะเด็กในวัยนี้อยู่ในช่วงที่ฟันแท้ขึ้นครบแล้วและอยู่ในช่วงเวลาที่ขากรรไกรกำลังเจริญเติบโต การจัดฟันในเด็กต้องบอกว่าได้ผลดีมากกว่าการจัดฟันตอนโตด้วย พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนคงมองว่าการจัดฟันในเด็กนั้น ยังไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่าการจัดฟันในเด็กนั้น มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพต่อการใช้งานของเด็กในวัยนี้มาก เพราะจะช่วยทำให้เด็กมีฟันที่สวยงาม มีรอยยิ้มที่มั่นใจและสดใสสมวัย

สำหรับใครที่ต้องการให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กสามารถติดต่อขอรับแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจึงทำให้บุตรหลานของท่านมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้แน่นอน ซึ่งวันนี้จะมาพูดถึงขั้นตอนการจัดฟันในเด็ก เพ่อที่จะเป็นแนวทางให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากจะให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อแก้ไขปัญหาฟันให้กับบุตรหลานของท่าน

สำหรับขั้นตอนการจัดฟันในเด็กนั้น อย่างแรกเลยคือ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจช่องปากกับทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อที่จะได้ให้ทันตแพทย์ทำการประเมินช่องปากในเบื้องต้น เพื่อวางแผนการรักษา จากนั้นก็ทำการพิมพ์ปากเพื่อสร้างแบบจำลองฟัน ทั้งที่เป็นแบบปูนหรือแบบดิจิตอล เพื่อใช้วิเคราะห์ วินิจฉัย และวางแผนการรักษาในขั้นต่อไป ในขั้นตอนต่อไป พ่อแม่ผู้ปกครองก็จะทำการพูดคุยในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก โดยทันตแพทย์จะทำการอธิบายถึงปัญหาของฟันของเด็ก ให้ผู้ปกครองเข้าใจ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการติดเครื่องมือการจัดฟัน โดยการจัดฟันในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี อาจติดเครื่องมือแค่บางซี่ หรือติดหมดทุกซี่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับระดับความผิดปกติ ขึ้นอยู่กับแผนการรักษา ซึ่งเด็กแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน

ซึ่งเครื่องมือการจัดฟัน ทันตแพทย์จัดฟันจะนำเครื่องมือเหล็กชิ้นเล็กๆ ไปติดบนฟัน โดยใช้กาวชนิดพิเศษ จากนั้นนำเครื่องมือที่อยู่บนฟันทุกซี่ จะถูกร้อยเข้าหากันด้วยลวด เด็กๆสามารถเลือกสียางเพื่อมัดเครื่องมือเข้ากับลวด โยทันตแพทย์จะคอยๆ ปรับเครื่องมือเพื่อเรียงฟันของเราให้สวย ทั้งหมดนี้คือขั้นตอนการจัดฟันในเด็ก และภายหลังจากการจัดฟันหรือติดตั้งเครื่องมือการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กๆควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด และทำความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาดอยู่เสมอ

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถปรึกษาทันตแพทย์ที่คลินิกได้ ทางเรามีทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการจัดฟันในเด็กมากอย่างยาวนาน สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องแน่นอน เพราะเราอยากให้เด็กทุกคนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและะฟัน เพื่อที่จะได้มีฟันที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจมากยิ่งขึ้น

2
จัดฟันบางนา: รู้ไว้ป้องกันได้ ! ความเสี่ยงในการจัดฟัน

เชื่อว่าหลายๆท่านคงมองเห็นด้านดีของการจัดฟัน ซึ่งเป็นการรักษาทางทันตกรรม เพื่อให้ฟันของท่านที่มีความผิดปกติกลับมาเรียงตัวเป็นระเบียบสวยงามได้ โดยการใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรม

ซึ่งในสมัยนี้ ได้มีนวัตกรรมทางทันตกรรมสุดล้ำสมัยเกิดขึ้นมามากมาย โดยสามารถทำการจัดฟันได้ตั้งแต่เด็กเล็กๆ ที่มีอายุประมาณ 4 ขวบ โดยเครื่องมือทรงประสิทธิภาพนี้ก็คือ EF Line นอกจากจะทำให้ฟันที่ผิดปกติของเด็กเข้าที่เป็นระเบียบสวยงามแล้ว ยังสามารถแก้พฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพช่องปากได้อีกด้วย

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้ได้ทราบว่า วงการทันตกรรมไม่หยุดที่จะพัฒนาข้อด้อยต่างๆให้กลายเป็นข้อดีที่หลายๆท่านตามไม่ทัน

แต่ในวันนี้จะมาขอพาท่านผู้อ่านมาทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการจัดฟัน ทุกอย่างแม้ว่าจะมีข้อดีมากมาย แต่ข้อด้อยก็ต้องมีคู่กัน ซึ่งท่านจะสามารถเรียนรู้และป้องกันไม่ให้เกิดได้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


ผลข้างเคียงของการจัดฟัน ?

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าการจัดฟันนั้นถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่มีความปลอดภัยสูงมากๆ แต่ความเสี่ยงบางประการก็อาจจะมีอยู่ ซึ่งท่านสามารถแก้ไขป้องกันได้ หากทราบว่าความเสี่ยงเหล่านั้น คืออะไร เกิดขึ้นจากอะไร โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

– ความเสี่ยงในระยะสั้น

อุปกรณ์ในการจัดฟันนั้นจะไม่มีทางที่แนบสนิทกับฟันของท่านแน่นอน ในบางส่วนรอบฟันอาจเกิดช่องว่างเล็กๆซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเฝ้าระวัง เพราะ ช่องเหล่านั้นง่ายต่อการสะสมเศษอาหารที่รับประทานเข้าไป และถือว่าเป็นการเพิ่มคราบแบคทีเรียและจุลินทรีย์มากมาย ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการทำลายชั้นเคลือบฟันเนื่องจากการสูญเสียแร่ธาตุบนผิวฟันบางชนิด ส่งผลให้เกิดคราบด่างขาวแบบถาวรทิ้งไว้หลังจากที่นำอุปกรณ์ในการจัดฟันออก รวมถึงปัญหาฟันผุ และโรคเหงือกอักเสบร้ายแรงตามมาได้ง่าย

– ความเสี่ยงระยะยาว

การจัดฟันอาจจะส่งผลให้รากฟันลดลง เนื่องจากว่าในขณะที่ฟันถูกใส่อุปกรณ์จัดฟันจะถูกบีบให้เกิดการเคลื่อนไหวตลอดเวลาทีละน้อยจนท่านไม่ทันได้สังเกตเห็น และกระดูกในบริเวณที่ฟันเคลื่อนที่ก็จะหายไปเรื่อยๆ โดยตามธรรมชาติร่างกายจะผลิตกระดูกในส่วนนี้ขึ้นมาใหม่ทดแทน ในกระบวนการนี้เองที่อาจจะทำให้มีความเสี่ยงสูญเสียรากฟันไปอย่างถาวร ส่งผลให้ฟันไม่แข็งแรง แต่ถึงอย่างไรก็ตามทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจสอบวินิจฉัยในส่วนนี้อย่างละเอียดทุกครั้งอยู่แล้ว จึงทำให้ปัญหาความเสี่ยงนี้เกิดขึ้นได้น้อยมากๆ นอกจากว่าท่านจะไม่ไปพบทันตแพทย์ตามนัดเป็นประจำ ก็อาจจะทำให้ความเสี่ยงตรงนี้เพิ่มมากขึ้นได้นั่นเอง

– ความเสี่ยงด้านพฤติกรรม

เมื่อทำการถอดอุปกรณ์จัดฟันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องทำต่อก็คือการใส่รีเทนเนอร์เพื่อไม่ให้ฟันคืนสภาพไม่เป็นระเบียบอีกครั้ง ซึ่งระยะเวลาในการใส่รีเทนเนอร์นี้จะขึ้นอยู่กับทันตแพทย์วิเคราะห์ แต่โดยส่วนใหญ่และจะใช้เวลาในการใส่รีเทนเนอร์ประมาณ 6 เดือน หรือมากกว่านั้น

ซึ่งหลายๆท่านรู้สึกไม่สบายช่องปากในการใส่รีเทนเนอร์ในครั้งแรกๆ ทำให้เกิดความไม่อยากใส่หรือใส่ไม่สม่ำเสมอ พฤติกรรมนี้พบบ่อยเพราะอาจจะคิดว่าใส่บ้างไม่ใส่บ้างคงไม่เป็นอะไร แต่แท้ที่จริงแล้ว เมื่อถอดอุปกรณ์จัดฟันออกใหม่ๆ ฟันที่เรียงตัวกันสวยงามนั้นยังไม่มีความแข็งแรงและสามารถล้มได้ง่าย ผลสุดท้ายฟันอาจจะกลับสู่สภาพเดิม ทำให้หลายๆท่านต้องกลับมาทำการจัดฟันใหม่อีกครั้ง เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ถือได้ว่าเป็นความเสี่ยงที่หลายๆท่านที่ทำตามทันตแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดอาจจะไม่เคยประสบปัญหาเหล่านี้ แต่ก็ถือได้ว่ามีจำนวนไม่น้อยที่จัดฟันเสร็จแล้วต้องกลับมารักษาส่วนอื่นๆต่อเพราะผลกระทบที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงในการจัดฟัน แต่เมื่อท่านทราบแล้วและป้องกัน ความเสี่ยงเหล่านี้ก็จะลดลงจนแทบจะไม่เกิดขึ้นกับท่านเลยก็ได้

การจัดฟันทุกครั้งและทุกคน ควรทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด และมาตามนัดหมายทุกครั้ง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้นั่นเอง

3
หมอออนไลน์: ภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ (Aortic dissection)

เป็นภาวะที่ผนังชั้นในของหลอดเลือดแดงใหญ่มีรอยปริเป็นรูรั่ว ทำให้เลือดไหลออกไปเซาะให้ผนังชั้นในแยกออกจากผนังชั้นกลางเป็นแนวยาว ถ้ารอยปริของหลอดเลือดเกิดตรงจุดใกล้หัวใจ เรียกว่า "ชนิดเอ (A)" ถ้ารอยปริของหลอดเลือดเกิดตรงจุดที่อยู่ต่ำกว่าจุดแยกของหลอดเลือดแดงใต้กระดูกไหปลาร้า (subclavian artery) เรียกว่า "ชนิดบี (B)"

โรคนี้จัดว่ามีอันตรายร้ายแรง พบมากในกลุ่มอายุ 40-70 ปี

สาเหตุ

ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ส่วนน้อยอาจเกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง การบาดเจ็บ โรคกรรมพันธุ์ (เช่น Marfan syndrome, Ehlers-Danlos syndrome) ความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดโดยกำเนิด (เช่น หลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ ลิ้นหัวใจเอออร์ติกผิดปกติ) อาจพบเป็นภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง บางครั้งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดหัวใจหรือการใส่สายสวนหัวใจหรือหลอดเลือด


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการเกิดขึ้นฉับพลันด้วยอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง (บางรายรู้สึกคล้ายเนื้อถูกฉีกหรือกรีด) ที่หน้าอก หรือหลังด้านบน (กลางสะบัก 2 ข้าง) และเจ็บแผ่ไปที่ท้องและต้นขา คอ หลังส่วนล่าง (ตามรอยเซาะของเลือด) อาการปวดจะรุนแรงอย่างต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ๆ หรือวัน ๆ บางรายอาจมีอาการเป็นลมหรือแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อน

เลือดที่เซาะและขังอยู่ในรอยแยกระหว่างผนังหลอดเลือดชั้นในสุดและชั้นกลาง อาจอุดกั้นการไหลเวียนเลือดของหลอดเลือดที่แตกสาขาออกไป ก็จะมีอาการแขนขาอ่อนแรงซีกหนึ่ง กล้ามเนื้อหัวใจตาย ปวดท้องเนื่องจากลำไส้ขาดเลือด (อุดกั้นหลอดเลือดเลี้ยงลำไส้) ปวดหลังด้านล่างเนื่องจากไตขาดเลือด (อุดกั้นหลอดเลือดไต) หรือขาอ่อนแรง (อุดกั้นหลอดเลือดเลี้ยงไขสันหลัง)

ถ้ารอยปริอยู่ใกล้หัวใจ อาจทำให้เกิดภาวะลิ้นเอออร์ติกรั่ว (aortic insufficiency)

เลือดที่เซาะอาจเข้าไปในโพรงเยื่อหุ้มหัวใจ ทำให้เกิดภาวะหัวใจถูกบีบรัด (cardiac temponade) หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงปอดและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เกิดภาวะช็อกถึงขั้นเสียชีวิตได้

ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ได้แก่ ผนังหลอดเลือดแตก มีเลือดตกภายใน จนเกิดภาวะช็อกถึงขั้นเสียชีวิตในเวลารวดเร็วได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ตรวจพบชีพจรที่มือและขาเต้นเบาหรือคลำไม่ได้ ความดันต่ำ หรือชีพจร 2 ข้างเต้นแรงไม่เท่ากัน บางรายอาจพบความดันโลหิตสูง เมื่อใช้เครื่องฟังตรวจอาจได้ยินเสียงฟู่ (murmur) ที่บริเวณลิ้นเอออร์ติก ในรายที่มีลิ้นเอออร์ติกรั่ว (aortic insufficiency)

นอกจากนี้อาจตรวจพบอาการที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

1. ถ้าพบว่าเป็นภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ชนิดเอ (รอยปริอยู่ใกล้หัวใจ) จำเป็นต้องทำการผ่าตัดแก้ไขโดยด่วน หากไม่รักษา ร้อยละ 50 ของผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 48 ชั่วโมง และร้อยละ 90 เสียชีวิตภายใน 1 เดือน ขณะที่ผู้ป่วยที่รับการผ่าตัดมีอัตราตายประมาณร้อยละ 15 ส่วนผู้ที่มีชีวิตอยู่รอดเกิน 2 สัปดาห์หลังผ่าตัดจะมีอัตราการอยู่รอดเกิน 5 ปีถึงร้อยละ 70-80 (ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้สามารถอยู่รอดเกิน 10 ปีขึ้นไป)

2. ถ้าพบว่าเป็นชนิดบี (รอยปริอยู่ใต้จุดแยกของหลอดเลือดแดงใต้กระดูกไหปลาร้า) การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง ส่วนใหญ่แพทย์จะให้การรักษาทางยา คือ ให้ยาลดความดัน (เช่น โซเดียมไนโตรพรัสไซด์) และลดอัตราการเต้นของชีพจร (เช่น โพรพราโนลอล) ให้ต่ำลง เพื่อลดแรงดันต่อหลอดเลือด รูปริที่ผนังหลอดเลือดจะปิดได้เองในที่สุด เมื่ออาการหายดีแล้ว แพทย์จะนัดมาตรวจทุก 3-6 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยดี พบว่าผู้ป่วยร้อยละ 30 อาจเกิดภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในระยะต่อมา ซึ่งต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

ส่วนน้อยที่พบว่ามีภาวะแทรกซ้อนหรือมีการลุกลามมากยิ่งขึ้น แพทย์จะทำการผ่าตัดแก้ไขโดยด่วน แบบเดียวกับชนิดเอ ซึ่งมีอัตราการอยู่รอดเกิน 5 ปี ร้อยละ 50-70

ผู้ป่วยที่เป็นภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ชนิดบี หากไม่ได้รับการรักษาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเลยมีอัตราตายประมาณร้อยละ 10-20 จากผนังหลอดเลือดแตก และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น อยู่ ๆ เกิดมีอาการเจ็บปวดรุนแรงที่หน้าอก หรือบริเวณตรงกลางสะบักหลัง ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยด่วน

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

ปฏิบัติเช่นเดียวกับผนังหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่างจริงจังในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง

ข้อแนะนำ

ผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง นอกจากมีสาเหตุจากภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ ยังอาจเกิดจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอด (pulmonary embolism) ซึ่งล้วนเป็นภาวะฉุกเฉินอันตรายเหมือน ๆ กัน ดังนั้น ผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

4
หมอประจำบ้าน: โรคพยาธิตัวจี๊ด (Gnathostomiasis)

โรคพยาธิตัวจี๊ดเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิตัวจี๊ด*

พบได้บ่อยในผู้ที่มีประวัติชอบกินกุ้งหรือปลาน้ำจืด กบ เขียด ปู งู นก เป็ด ไก่ หนู หรือเนื้อสัตว์ดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ

*วงจรชีวิตของพยาธิตัวจี๊ด

ตัวจี๊ด (Gnathostoma spinigerum) โดยปกติพยาธิตัวเต็มวัย (ตัวแก่) จะอาศัยอยู่ในโพรงของก้อนทูมของกระเพาะอาหารของแมวและสุนัข ไข่พยาธิจะออกมาทางรูที่ติดต่อกับกระเพาะอาหาร และออกไปกับมูลของสัตว์เหล่านี้ ไข่จะเจริญและฟักเป็นพยาธิตัวอ่อนระยะที่ 1 ในน้ำ ซึ่งจะถูกกุ้งไร (cyclops) กิน แล้วเจริญต่อไปเป็นตัวอ่อนระยะที่ 2 ในกุ้งไร เมื่อสัตว์น้ำจืด สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์มีปีก หรือหนูกินกุ้งไร ตัวอ่อนของพยาธิก็จะเจริญต่อไปเป็นตัวอ่อนระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะติดต่อ อาศัยอยู่ในกล้ามเนื้อของสัตว์เหล่านี้ ซึ่งถ้าถูกแมวหรือสุนัขกินเข้าไป ก็จะเจริญเป็นตัวแก่อาศัยอยู่ในก้อนทูมของกระเพาะอาหาร แต่ถ้าคนกินตัวอ่อนระยะที่ 3 ในสัตว์น้ำจืด สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์มีปีกหรือหนู พยาธิตัวอ่อนระยะที่ 3 ก็จะไม่อยู่ที่กระเพาะ แต่จะคืบคลานไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ใต้ผิวหนัง ช่องท้อง ปอด ตา หู สมอง ไขสันหลัง เป็นต้น ทำให้เกิดการอักเสบและเสียหายตามอวัยวะต่าง ๆ ได้


สาเหตุ

การติดต่อของโรคนี้เกิดจากการกินตัวอ่อนพยาธิตัวจี๊ดระยะติดต่อ ที่พบในกุ้งหรือปลาน้ำจืด กบ เขียด ปู งู นก เป็ด ไก่ หนู หรือเนื้อสัตว์ดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ

อาการ

ส่วนใหญ่จะพบว่าเป็นรอยบวมแดง ๆ ตึง ๆ ตามผิวหนัง อาจมีอาการคันหรือปวดจี๊ด ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะแห่ง อาจเป็นส่วนไหนของร่างกายก็ได้ รอยบวมนี้จะมีขนาดไม่แน่นอน และเลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ เช่น บวมที่มือ แล้วค่อย ๆ เลื่อนไปที่แขน ไหล่ ปาก หน้า ตา จะบวมแห่งหนึ่งอยู่ 3-10 วัน (ชาวบ้านบางแห่งเรียกว่า โรคลมเพลมพัด) บางครั้งอาจมีไข้ขึ้น นอกจากนี้อาจมีอาการอื่น ๆ ตามลักษณะการไชตัวของพยาธิ เช่น

ถ้าตัวจี๊ดไชเข้าไขสันหลัง จะมีอาการปวดเสียวมากตามแขนขา แขนขาจะเป็นอัมพาต ปัสสาวะไม่ออก และท้องผูก

ถ้าตัวจี๊ดไชขึ้นสมอง จะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็ง ซึม หมดสติ อาจถึงเสียชีวิตได้

ถ้าตัวจี๊ดไชเข้าลูกตา อาจทำให้ตาอักเสบ และตาบอดได้

ถ้าไชเข้าหู ทำให้ปวดหูอย่างมาก

ถ้าไชเข้าปอด ทำให้ปอดอักเสบ ปอดทะลุ มีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด หรือไอออกเป็นเลือด

ถ้าไชเข้าท้อง ทำให้มีก้อนในท้องเลื่อนที่ได้ อาจเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง หรือปวดคล้ายไส้ติ่งอักเสบได้


ภาวะแทรกซ้อน

เกิดการอักเสบและการทำลายของอวัยวะต่าง ๆ ที่ตัวจี๊ดไชผ่าน

แต่ถ้าไชเข้าอวัยวะสำคัญ เช่น ตา (ทำให้ตาบอด), ปอด (ทำให้ปอดอักเสบ ปอดทะลุ), ไขสันหลัง (ทำให้เป็นอัมพาต)

ถ้าไชเข้าสมอง อาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ และจะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเจาะเลือด (พบจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิล* ขึ้นสูง) ทำการทดสอบทางน้ำเหลือง (serologic test) เพื่อตรวจหาสารภูมิต้านทานต่อตัวจี๊ด และถ้าสงสัยตัวจี๊ดเข้าไขสันหลังหรือสมอง อาจต้องเจาะหลัง

*อีโอซิโนฟิล (eosinophil) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งปกติจะมีอยู่ประมาณร้อยละ 1-6 ของจำนวนเม็ดเลือดขาวทุกชนิดที่อยู่ในกระแสเลือด ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือโรคพยาธิต่าง ๆ อาจมีอีโอซิโนฟิลขึ้นสูงถึงร้อยละ 20-80


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ และให้ยาฆ่าพยาธิ-อัลเบนดาโซล

2. ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง จะรับตัวไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล และให้การแก้ไขตามอาการที่พบ

ถ้าตัวจี๊ดขึ้นมาอยู่ที่ผิวหนัง อาจรักษาด้วยการผ่านำตัวพยาธิออกมา


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีรอยบวมแดง ๆ ตึง ๆ ตามผิวหนัง มีขนาดไม่แน่นอนและเลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคพยาธิตัวจี๊ด ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดหู ปวดตา ตามัว ตาบอด หายใจหอบ ปวดท้องมาก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซึม หรือไม่ค่อยรู้สึกตัว
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ก้อย ยำ ส้มฟัก หรือการย่างที่ไม่สุกเต็มที่ โดยเฉพาะที่ทำจากกุ้ง ปลาน้ำจืด กบ เขียด ปู งู นก เป็ด ไก่ หนู เป็นต้น
    ดื่มน้ำสุกหรือน้ำสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อพยาธิตัวจี๊ดที่ตกปนอยู่ในน้ำ
    ล้างอุปกรณ์ (เช่น เครื่องบดเนื้อ มีด เขียง) ที่ใช้เตรียมเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ให้สะอาด ป้องกันไม่ให้มีตัวพยาธิเปรอะเปื้อน
    ป้องกันตัวจี๊ดไชเข้ามือด้วยการล้างมือด้วยสบู่หลังเตรียมอาหารเนื้อสัตว์ ถ้าเป็นไปได้ควรใส่ถุงมือเวลาเตรียมอาหารประเภทนี้

ข้อแนะนำ

โรคนี้มักมีอาการบวมแดงที่ผิวหนัง และรักษาให้หายได้เป็นส่วนใหญ่ มีเพียงส่วนน้อยที่ตัวจี๊ดอาจไชเข้าอวัยวะสำคัญ ทำให้เกิดอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีอาการของโรคตัวจี๊ดที่ผิวหนัง ควรเฝ้าระวังดูอาการอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าตัวจี๊ดอาจไชเข้าอวัยวะสำคัญ ก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

ข้อสำคัญควรป้องกันไม่ให้รับอันตรายจากโรคนี้ด้วยการไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิดแบบดิบ ๆ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ

5
รถรับจ้างใกล้ฉัน นนทบุรี ขนย้ายดี ราคาไม่แพง ย้ายบ้าน ขนส่งของ บริการไว โดนใจผู้ใช้บริการ

รถรับจ้างนนทบุรี

หากคุณกำลังมองหา บริการรถรับจ้างนนทบุรี ที่มีความครบครันทั้งในแง่ของคุณภาพการบริการและราคา ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการในการขนย้ายของคุณได้อย่างครบถ้วน บริการจากขนส่ง คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด ความเชี่ยวชาญในงานขนย้ายหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการ ขนย้ายบ้าน ย้ายหอพัก ขนส่งสินค้า หรือการขนย้ายวัสดุอุปกรณ์จากไซต์งานต่างๆ ทั้งในพื้นที่นนทบุรีและจังหวัดใกล้เคียง เรามีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้บริการอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนของการขนย้าย เพื่อให้การขนย้ายดำเนินไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย เรายังให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินทุกชิ้น รวมถึงการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมเพื่อให้การขนย้ายเสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็ว ด้วยราคาที่เป็นกันเองและคุ้มค่า คุณสามารถวางใจให้ รถรับจ้างนนทบุรี ดูแลการขนย้ายของคุณได้อย่างสบายใจค่ะ

   
รถรับจ้างนนทบุรี

รถรับจ้างนนทบุรี ขอนำเสนอการบริการที่หลากหลายและครบวงจรเพื่อช่วยให้การขนย้ายของคุณเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น เรามีรถรับจ้างหลายประเภทที่พร้อมให้บริการตามความต้องการของลูกค้า ทั้ง รถกระบะ สำหรับการขนย้ายสิ่งของขนาดเล็กหรือสินค้าที่ต้องการความสะดวกในการขนย้ายระยะใกล้ รถ 4 ล้อใหญ่ สำหรับการขนย้ายของในปริมาณมาก หรือ รถ 6 ล้อ และ รถ 10 ล้อ ที่สามารถขนย้ายสินค้าหรือวัสดุขนาดใหญ่หรือหนักได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ หากคุณต้องการขนย้ายสิ่งของที่มีขนาดใหญ่หรือเป็นปริมาณมาก รถเทรลเลอร์ ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม สำหรับการขนย้ายเครื่องจักร หรือวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องการพื้นที่มากในการจัดเก็บ และสำหรับการขนย้ายสินค้าหรือวัสดุที่ต้องการการยกสูงหรือการยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากอย่างปลอดภัย รถเฮี๊ยบ จะช่วยให้การยกของจากที่สูงหรือการยกสินค้าที่มีขนาดใหญ่เป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ

   
รถรับจ้างนนทบุรี ไปต่างจังหวัด

แน่นอนว่าการที่มี รถรับจ้างนนทบุรี ที่หลากหลายประเภท นอกจากจะช่วยให้การขนย้ายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกแล้ว ยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันได้หลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าคุณจะต้องการขนย้ายในระยะทางสั้นๆ หรือระยะทางยาว ในพื้นที่ใกล้เคียงหรือข้ามจังหวัด เราก็พร้อมให้บริการทุกกรณี หากคุณต้องการขนย้าย ในพื้นที่ไม่ถึงกิโลเมตร เช่น การย้ายของในเมืองนนทบุรี หรือจากที่พักไปยังสถานที่ใกล้เคียง ขนส่งมีรถที่เหมาะสมสำหรับการขนย้ายที่รวดเร็วและสะดวกสบาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาหรือค่าใช้จ่ายที่สูงค่ะ

สำหรับลูกค้าที่ต้องการ ย้ายไปนอกเขต หรือ ขนย้ายข้ามจังหวัด เรามี รถรับจ้างนนทบุรี ไปต่างจังหวัด ที่พร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการขนย้ายสินค้าหรือของใช้ต่างๆ จากนนทบุรีไปยังจังหวัดใกล้เคียงหรือที่ไกลออกไปในภาคอื่นๆ เราสามารถจัดการการขนย้ายของคุณได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการ ขนย้ายไปต่างจังหวัด หรือ ต่างภูมิภาค ทีมงานของเราก็สามารถให้บริการได้ตามที่คุณต้องการ โดยเรามีรถหลากหลายประเภทที่เหมาะสมกับการขนย้ายทุกรูปแบบค่ะ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะต้องการขนย้ายภายในพื้นที่หรือไปยังที่ไกลแค่ไหน รถรับจ้างนนทบุรี ยินดีให้บริการพร้อมรถรับจ้างที่มีความหลากหลาย เพื่อให้ทุกการขนย้ายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสำหรับคุณค่ะ

   
รถรับจ้างนนทบุรี ราคาถูก

เรื่องของ ราคา เป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อคุณเลือกใช้ บริการรถรับจ้าง เนื่องจากการขนย้ายอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกันตามลักษณะงานและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง เช่น ชนิดของสิ่งของที่ต้องการขนย้าย ระยะทางที่ต้องขนย้าย และวันเวลาในการขนย้ายที่คุณต้องการ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อราคาค่าบริการ การที่คุณทราบข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับ ชนิดของการขนย้าย เช่น การขนย้ายบ้าน ขนย้ายสินค้า หรือขนย้ายเครื่องจักร จะช่วยให้การประเมินราคาเป็นไปได้อย่างแม่นยำ เพราะแต่ละประเภทการขนย้ายมีความต้องการที่แตกต่างกันในด้านของขนาดและความซับซ้อนในการขนย้าย ซึ่งจะทำให้คุณได้ราคาที่เหมาะสมกับการบริการที่คุณต้องการ

ระยะทาง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เพราะการขนย้ายระยะใกล้หรือระยะไกลจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน โดยในกรณีของการขนย้ายข้ามจังหวัดหรือข้ามภูมิภาค ราคามักจะสูงขึ้นตามระยะทางที่ต้องการขนย้าย วันเวลา ที่คุณต้องการขนย้ายก็มีผลต่อราคาค่าบริการด้วย เช่น หากคุณต้องการขนย้ายในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดเทศกาล อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากความพร้อมของทีมงานและรถที่อาจต้องจัดสรรใหม่ให้เพียงพอกับความต้องการ

ด้วยการทราบข้อมูลทั้งหมดนี้ล่วงหน้า การประเมินราคา จะสามารถทำได้อย่างแม่นยำและตรงตามความต้องการของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถ จัดการกับงบประมาณได้ และ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง รถรับจ้างนนทบุรี สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นโดยไม่คาดคิดค่ะ

6
ใช้รถเฮี๊ยบ ยก ย้าย ง่ายกว่าที่คิด กับ รถหกล้อรับจ้างภูเก็ต

หลายคนที่เคยมีประสบการณ์ขนย้ายของชิ้นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร วัสดุก่อสร้าง หรือตู้คอนเทนเนอร์ และอาจเคยเจอปัญหาว่า “ของชิ้นนี้หนักเกินไป จะยกยังไง?” หรือ “ต้องจ้างเครนใหญ่ๆ มาไหม?” ซึ่งในความจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้น เพราะมี รถเฮี๊ยบ (Truck Crane) ตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การยกและขนย้ายของเป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่า วันนี้เราจะพาไปรู้จักรถเฮี๊ยบให้ลึกขึ้น พร้อมอธิบายข้อดี ข้อเสีย และแนะนำบริการ รถรับจ้างภูเก็ต ที่มีรถเฮี๊ยบพร้อมให้บริการ

รถเฮี๊ยบคืออะไร?

รถเฮี๊ยบ หรือที่บางคนเรียกว่า รถบรรทุกติดเครน คือรถบรรทุกที่มีการติดตั้งเครนไฮดรอลิกไว้บนตัวรถ สามารถยกของหนักขึ้น-ลง และขนส่งไปยังจุดหมายปลายทางได้ในคันเดียว ไม่ต้องจ้างรถเครนแยกต่างหากให้สิ้นเปลืองงบประมาณ

เครนของรถเฮี๊ยบมีหลายขนาด ตั้งแต่ 3 ตัน 5 ตัน ไปจนถึง 10 ตัน ทำให้รองรับการขนย้ายของได้หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องจักรขนาดกลางไปจนถึงโครงสร้างเหล็ก วัสดุก่อสร้าง หรือแม้แต่บ้านน็อคดาวน์ ก็สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัยค่ะ


ข้อดีของการใช้รถเฮี๊ยบ

    ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย หากต้องจ้างทั้ง รถบรรทุก และรถเครนแยกกัน ค่าใช้จ่ายจะสูงและยุ่งยาก แต่รถเฮี๊ยบทำได้ครบในคันเดียว ทั้งยกและขน ทำให้ลดต้นทุนไปได้มาก
    ยืดหยุ่นในการใช้งาน รถเฮี๊ยบเหมาะทั้งงานยกของในไซต์งานก่อสร้าง งานติดตั้งเสาไฟ งานยกเครื่องจักรลงจากท่าเรือ หรือแม้แต่การย้ายของขนาดใหญ่ไปตามบ้านหรือโกดัง
    ใช้งานในพื้นที่จำกัดได้ เครนของรถเฮี๊ยบมีการปรับหมุนและยืดหดได้ จึงสามารถทำงานในพื้นที่แคบได้ดีกว่าเครนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พื้นที่เยอะค่ะ
    ปลอดภัยกว่าแรงงานคน ของหนักหลายร้อยกิโลกรัม หากใช้แรงงานคนยก อาจเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ แต่รถเฮี๊ยบช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยทั้งต่อคนและสิ่งของ
    เหมาะสำหรับงานเร่งด่วน หากมีงานที่ต้องขนย้ายด่วน รถเฮี๊ยบรับจ้างขนของ สามารถเข้าไปยกของขึ้นรถและขนส่งได้ทันที ไม่ต้องรอคิวเครนใหญ่


ข้อเสียของการใช้รถเฮี๊ยบ

แม้ว่ารถเฮี๊ยบจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ควรรู้ก่อนเลือกใช้

    น้ำหนักและระยะยกจำกัด รถเฮี๊ยบไม่สามารถยกของหนักระดับหลายสิบตันได้เหมือนเครนใหญ่ ระยะยกก็มีข้อจำกัด ไม่เหมาะสำหรับการยกในระดับตึกสูงหลายชั้น
    ต้องใช้พื้นที่สำหรับกางขาเฮี๊ยบ เวลาทำงาน รถเฮี๊ยบต้องกางขาเพื่อรักษาสมดุล หากพื้นที่หน้างานคับแคบจนเกินไป อาจมีปัญหาในการทำงาน
    ต้องใช้คนขับที่มีประสบการณ์ การควบคุมเฮี๊ยบต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ หากใช้ผู้ที่ไม่ชำนาญ อาจเสี่ยงทำให้ของเสียหายหรือเกิดอันตรายได้


เลือกใช้รถเฮี๊ยบกับใครดี?

เมื่อรู้แล้วว่ารถเฮี๊ยบมีข้อดีมากมาย แต่จะเลือกใช้ บริการรถรับจ้าง จากที่ไหนก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ หากเลือกผู้ให้บริการที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจทำให้ของเสียหาย หรือเสียเวลาเกินจำเป็น ดังนั้นการเลือกบริษัทที่มีประสบการณ์จริงคือสิ่งที่ควรให้ความสำคัญค่ะ
รถรับจ้างภูเก็ต ตัวจริงเรื่องรถเฮี๊ยบ

หากคุณอยู่ในจังหวัดภูเก็ตหรือพื้นที่ใกล้เคียง แล้วต้องการบริการรถเฮี๊ยบที่เชื่อถือได้ ขนส่ง คือหนึ่งในผู้ให้บริการที่น่าไว้วางใจ รถรับจ้างภูเก็ต เพราะที่นี่มีทั้งทีมงานมืออาชีพและรถเฮี๊ยบหลายขนาด พร้อมให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของงาน

ทำไมต้องเลือกขนส่ง?

    มีประสบการณ์ขนย้ายทั้งงานเล็กและงานใหญ่
    รถเฮี๊ยบสภาพดี ผ่านการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ
    คนขับและทีมงานมีความชำนาญ ใช้งานเฮี๊ยบได้ปลอดภัย
    ราคาเหมาะสม ไม่บวกเกินจริง
    พร้อมให้บริการทั้งในภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง

งานที่เหมาะกับการใช้บริการรถเฮี๊ยบ

    ยกเครื่องจักรเข้าหรือออกจากโรงงาน
    ยกตู้คอนเทนเนอร์หรือตู้สำนักงาน
    ย้ายบ้านน็อคดาวน์หรือโครงสร้างเหล็ก
    ยกเสาไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์งานโครงการต่างๆ
    บริการขนย้ายที่ต้องการความรวดเร็วและปลอดภัย

รถเฮี๊ยบรับจ้างภูเก็ต ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้งานยกและขนย้ายของขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วยความสามารถที่ครบเครื่องในคันเดียว ทั้งยกและขน ทำให้ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงได้มาก หากคุณอยู่ในภูเก็ตและกำลังมองหาผู้ให้บริการรถเฮี๊ยบที่ไว้ใจได้ แนะนำให้ติดต่อ รถรับจ้างภูเก็ต พร้อมดูแลงานขนย้ายของคุณทุกขั้นตอนอย่างมืออาชีพ

7
จัดฟันบางนา: หลักการทำงาน ของการจัดฟันแบบใส !

การจัดฟันแบบใส ถือเป็นการนำนวัตกรรมมาช่วยในการรักษา รวมถึงการวางแผนและกำหนดตำแหน่งการเคลื่อนของฟัน ซึ่งถือว่าเป็นการจัดฟันที่เป็นรูปแบบใหม่ โดยไม่ต้องมีการใส่เครื่องมือจัดฟันตลอดเวลา สามารถถอดได้ใช่ระหว่างการรับประทานอาหาร ซึ่งนี่ก็ถือเป็นข้อดีของการจัดฟันแบบใส ที่ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเลือกรับประทานอาหารได้หลากหลาย โดยไม่ต้องกลัวว่า เครื่องมือจะหลุด ในระหว่างรับประทานอาหาร และในระหว่าการจัดฟัน ทำให้มองไม่เห็นเครื่องมือภายในช่องปากอีกด้วย

หลายคนอาจจะสงสัยว่า การจัดฟันแบบใสนั้น มีหลักการทำงานอย่างไร เครื่องมือที่ใส่เข้าไป ใช้หลักการอะไรถึงทำให้ฟันเคลื่อนตัวได้ วันนี้เรามีคำตอบ กระบวนการทำงานของการจัดฟันแบบใสก็คือ การติดวัสดุบนผิวฟัน โดยจะมีลักษณะคล้ายปุ่ม ซึ่งปุ่มดังกล่าวก็คือส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ฟันเคลื่อนตัวได้ ตามที่ทันตแพทย์ได้กำหนด ซึ่งถือเป็นการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนวางแผนการรักษา จนถึงการรักษาสิ้นสุดลง

ซึ่งวัสดุที่มีลักษณะเป็นปุ่มนั้น ทางทันตกรรมเรียกว่า Attachment ซึ่งเป็นอุปกรณ์ยึดติด ทำงานร่วมกับเทรย์ เครื่องมือที่ใส่ในช่องปากในระหว่างการจัดฟัน โดยทางคลีนิค ของเรามีบริการจัดฟันแบบใส INVISALIGN ซึ่งมีทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน คอยให้คำปรึกษา และได้รับการรองรับทางสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจได้ว่า การรักษานั้นมีมาตรฐานความปลอดภัย และผลการรักษาที่น่าประทับใจอย่างแน่นอน

8
จัดฟันบางนา: เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก ประหยัดเวลา

การจัดฟันแบบใสเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันเพราะการจัดฟันแบบใสมีความแตกต่างจากการจัดฟันแบบทั่วไปและมีข้อดีกว่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ส่งผลกระทบใดๆ นอกจากนี้ การจัดฟันแบบใสยังช่วยทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีรอยยิ้มที่สวยงามเป็นธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีและจุดเด่นของการเข้ารับการจัดฟันแบบใส ที่แตกต่างจากการจัดฟันแบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน หลายคนคงเคยผ่านการเข้ารับการจัดฟันมาแล้วและคงได้สัมผัสกับปัญหาต่างๆไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการรับประทานอาหารที่อาจจะทำให้ต้องเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม ไม่รับประทานอาหารที่แข็ง

เพราะอาจส่งผลต่อเครื่องมือการจัดฟันได้ อาจจะทำให้เครื่องมือการจัดฟันหลุด หรือเกิดกรความเสียหายและต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแบบใสก็จะช่วยทำให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ แตกต่างจากการเข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไปที่อาจจะต้องทำความสะอาดช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษเนื่องจากมีเครื่องมือชนิดติดแน่นติดตั้งอยู่ภายในช่องปากก่อนจะทำความสะอาดช่องปากได้ไม่ทั่วถึง การจัดฟันแบบใสยังสามารถดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันได้ง่าย นอกจากนี้เครื่องมือการจัดฟันก็สามารถดูแลได้ง่ายไม่ยุ่งยากจึงทำให้ประหยัดเวลาในการแปรงฟันด้วย

สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดฟันของผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส รวมไปถึงการดูแลรักษาความสะอาดของเครื่องมือ ที่มีความง่าย และดูแลได้โดยไม่ต้องซับซ้อน ใครที่อาจจะเคยผ่านการจัดฟันแบบใส หรือใครที่กำลังศึกษาวิธีการดูแลรักษาความสะอาดของเครื่องมือการจัดฟัน คงทราบดีว่า การทำความสะอาดเครื่องมือการจัดฟันแบบใสนั้น ไม่ยุ่งยากเลย ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถทำความสะอาดเครื่องมือการัดฟันแบบใสได้โดบการเอาผ้าชุบน้ำและถูกับสบู่ โดยไม่ต้องแปรงสีฟันขัด เพราะการที่นำแปรงสีฟันมาขัดเครื่องมือการจัดฟัน อาจจะทำให้เครื่องมือเกิดการเสียหายได้ อาจจะทำให้เครื่องมีรอยจากการแปรง


ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและอาจจะทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้ เห็นมั้ยว่า กรดูแลรักษาความสะอาดของเครื่องมือการจัดฟันแบบใสนั้น ไม่ยุ่งยากเลย และในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันของผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถแปรงฟันได้ตามปกติ  เพราะผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันได้เมื่อต้องแปรงฟัน ดังนั้น จึงทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างทั่วถึง แปรงฟันได้ทุกซอกทุกมุม โดยไม่คำนึงถึงเรื่องของเครื่องมือการจัดฟันเลย เพราะฉะนั้น การจัดฟันแบบใสจึงทำให้เสริมสร้างในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน ทำให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ป้องกันการเกิดฟันผุ ลดความเสี่ยงของการเกิดคราบหินปูนและการเกิดโรคเหงือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การเข้ารับการจัดฟันแบบใส มีการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ยุ่งยาก ดูแลรักษาเครื่องมือการจัดฟันได้ง่ายไม่ซับซ้อน แถมยังประหยัดเวลาอีกด้วย

หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์อย่างยาวนาน จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้คลินิก,ของเรา ยังได้รับการรับรองจากทาง Invisalign ให้สามารถให้บริการจัดฟันแบบใสได้อย่างปลอดภัย มาตรฐานสากล จึงทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่า คุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี พร้อมกับมีฟันที่สวยงาม มีรอยยิ้มที่สดใสมั่นใจได้อย่างแน่นอน

9
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


10
รถรับจ้างย้ายบ้านจังหวัดเชียงใหม่ ขนย้ายสินค้าราคาประหยัด รับจ้างขนของ ย้ายบ้าน 4-6-10 ล้อรับจ้าง

ขนส่ง ผู้นำด้านงานบริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดเชียงใหม่ มีข้อมูลที่จะแจ้งข่าวเรื่องงาน ขนส่งสินค้า ขนย้ายของ ขนย้ายบ้าน ขนส่งสินค้าทางการเกษตร ย้ายเฟอร์นิเจอร์ และงาน รับจ้างขนของ ในจังหวัดเชียงใหม่ทุกชนิด สำหรับลูกค้าที่ต้องการจะย้ายที่อยู่ ย้ายงานไปจังหวัดเชียงใหม่ หรือ เข้ามาอยู่ในเชียงใหม่ ยังนึกไม่ออกว่าจะใช้รถรับจ้าง แบบไหนดี เราจึงขอแจ้งรถรับจ้างที่เราให้บริการดังนี้

1. รถกระบะรับจ้าง แบบตอนเดียว และแบบแค็บ

1.1 รถกระบะคอกสูง มีผ้าใบคลุม

1.2 รถกระบะตู้ทึบ

2. รถ6ล้อรับจ้าง ขนาด เล็กยาว 5 ม. ขนาดกลาง ยาว 5.5-6 ม. ขนาดใหญ่ 6.5-7.2 ม

2.1 รถหกล้อคอกสูง มีผ้าใบคลุม

2.2 รถหกล้อตู้ทึบ

3. รถสิบล้อรับจ้าง

3.1 รถสิบล้อคอกสูง มีผ้าใบคลุม

3.2 รถสิบล้อตู้ทึบ

4. รถเฮียบรับจ้าง ตั้งแต่ 3 ตันขึ้นไป

5. รถเทรลเลอร์รับจ้าง

6. รถพ่วงรับจ้าง

ในช่วงปลายปีนี้ทางเราได้มีการจัดเตรียม รถรับจ้าง ทุกชนิดของเรา ทั้งการตรวจเช็คสภาพรถ และคนขับ ให้อยู่ในสถานะที่พร้อมทำงานไว้รองรับงานขนย้ายในช่วงปีใหม่ เพราะเราทราบดีอยู่แล้วว่า ปีใหม่ของทุกๆปีจะมีการใช้ รถรับจ้าง เป็นจำนวนมากทั้งในและต่างจังหวัด เราจึงต้องมีการวางแผนและเตรียมความพร้อมเ็นอย่งดี เพื่องานที่เราให้บริการ เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีสะดุุหรือเกิดปัญหาใดๆขึ้น

สำหรับท่านลูกค้าที่สนใจใช้บริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดเชียงใหม่ ของเรา ท่านสามารถโทรสอบเช็คราคาได้ตลอด 24 ชม. เรามีความยินดีเป็นอย่างและท่านจงมั่นใจได้เลยว่า ด้วยประสบการณ์การบริการ รถรับจ้าง มากว่า 10 ปี เรามีความชำนาญและความใสใจในรายละเอียดของงานอย่างจริงจังและจริงใจ โทรหาเราเลย


จุดบริการขนย้ายสินค้าและจุดจอดรถในจังหวัดเชียงใหม่

รถรับจ้างขนของอำเภอสะเมิง

รถรับจ้างขนของอำเภอเชียงดาว

รถรับจ้างขนของอำเภออมก๋อย

รถรับจ้างขนของอำเภอสันทราย

รถรับจ้างขนของอำเภอดอยหล่อ

รถรับจ้างขนของอำเภอฝาง

รถรับจ้างขนของอำเภอสันป่าตอง

รถรับจ้างขนของอำเภอแม่แตง

รถรับจ้างขนของอำเภอจอมทอง

รถรับจ้างขนของอำเภอแม่อาย

รถรับจ้างขนของอำเภอเมืองเชียงใหม่

รถรับจ้างขนของอำเภอแม่ออน

รถรับจ้างขนของอำเภอดอยสะเก็ด

รถรับจ้างขนของอำเภอสันกำแพง

รถรับจ้างขนของอำเภอเวียงแหง

รถรับจ้างขนของอำเภอหางดง

รถรับจ้างขนของอำเภอฮอด

รถรับจ้างขนของอำเภอดอยเต่า 

รถรับจ้างขนของอำเภอแม่ริม

รถรับจ้างขนของอำเภอแม่แจ่ม

รถรับจ้างขนของอำเภอแม่วาง

รถรับจ้างขนของอำเภอไชยปราการ

รถรับจ้างขนของอำเภอพร้าว

รถรับจ้างขนของอำเภอสารภี

11
รถรับจ้างย้ายบ้านเขตกรุงเทพ รับประกันคุณภาพงาน ราคาถูก! 4-6-10ล้อรับจ้าง

บริการ รถรับจ้างขนย้ายบ้านเขตกรุงเทพ ทั้งขนย้ายในจังหวัดและปริมณฑล หรือ ขนย้ายบ้าน ย้ายหอพัก ย้ายออฟฟิค จากกรุงเทพฯไปยังต่างจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศไทย เรามีบริการ รถรับจ้างขนย้ายบ้าน หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น รถกระบะขนย้ายบ้านกรุงเทพ รถ6ล้อล้อขนย้ายบ้านเขตกรุงเทพ รถสิบล้อขนย้ายบ้านเขตกรุงเทพ เรามีบริการขนย้ายบ้านที่ครบวงจรไม่ว่าลูกค้าจะต้องการอะไร ขาดตกบกพร่องสิ่งใด เราก็พร้อมที่จะมีสิ่งนั้นไว้บริการเพิ่มเติมให้แก่ท่านเช่นหากท่านต้องการขนย้ายบ้านแต่ท่านไม่มีพนักงานช่วยยกของ

เราก็สามารถให้บริการท่านได้เพราะว่าเรามีทีมพนักงานขนของ จำนวนมากและมีความเป็นมืออาชีพ ให้บริการขนย้ายบ้านมาหลายงานหลายรูปแบบหลายลักษณะทำให้มีความเชี่ยวชาญในการขนย้ายบ้านเป็นพิเศษไม่เกี่ยงงานทุกรูปแบบ พร้อมให้บริการท่านหากท่านไม่มีคนช่วยยกหรือลูกค้าบางท่านต้องการขนย้ายบ้านแต่ติดปัญหาเรื่อง เฟอร์นิเจอร์หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ต้องถอดโยกย้ายไปด้วย แต่ลูกค้าไม่มีความชำนาญในการจัดการถอดสินค้าเหล่านี้ ท่านก็สามารถแจ้งเราเพื่อที่เราจะจัดให้ช่างที่มีความชำนาญในเรื่องการถอด สินค้าเหล่านี้ได้ไปบริการท่าน เพราะเราจะมีทีมผู้ให้บริการขนย้ายแบ่งเป็นหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีความชำนาญในการขนย้ายที่แตกต่างกัน บางท่านเก่งเรื่องยก บางท่านเก่งเรื่องถอดประกอบเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับลูกค้า เป็นต้น

เรามีรถบริการขนย้ายบ้าน เขตกรุงเทพและปริมณฑลจำนวนมาก ท่านไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีรถให้บริการไม่ว่าท่านจะเลือกใช้บริการเราในช่วงเวลาไหนก็ตามเราสามารถ บริการท่านได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการบริการที่การันตรีด้วยคุณภาพมากกว่า 10 ปี งานที่เราให้บริการขนย้ายบ้าน ย้ายหอพัก ย้ายออฟฟิคแก่ลูกค้า ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า คุณภาพดี และราคาถูกมาก คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย และเป็นราคาที่ลูกค้าแต่ละท่านเอื้อมถึง ไม่แพง ช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากทีเดียว ในเขตกรุงเทพมหานครมี รถรับจ้างขนย้ายบ้านเขตกรุงเทพ จำนวนมากมายที่ให้บริการรับจ้างขนของเป็นจำนวนเยอะ ท่านจะรู้ได้ยังไงว่าบริการ รถรับจ้างขนของขนย้ายบ้าน เจ้าไหนให้บริการได้ดีเยี่ยมสังเกตได้ไม่ยากครับทุกวันนี้เป็นลูกแห่งดิจิตอลคุณสามารถเข้าไปดูที่ review หรือ fanpage ของ facebook หรือเข้าไปดูที่เว็บไซต์ ซึ่งสำหรับทีมงานของเราเองเรามีความมั่นใจในการดูแลลูกค้าและการให้บริการรถรับจ้างขนของขนย้ายบ้านของเราให้บริการที่ดีเยี่ยมที่สุดจริงๆอีกแห่งหนึ่ง สนใจเรียกใช้บริการ รถรับจ้างขนของ ของเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหากท่านต้องการขนของขนย้ายสินค้าประเภทอื่นๆ เช่น ขนย้ายสินค้าทั่วไป ทุกชนิด เองเราก็มีรถพร้อมให้บริการเช่นการพร้อมคนยกสินค้าไม่ว่าท่านจะขนย้ายอะไรสามารถโทรหาเราได้เลยตลอด 24 ชั่วโมง

จุดบริการรถรับจ้างขนย้ายบ้าน ทั้ง รถกระบะรับจ้าง รถ6ล้อรับจ้าง รถ10ล้อรับจ้าง ได้แก่จุด

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตพระนคร

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตดุสิต

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตหนองจอก

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางรัก

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางเขน

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางกะปิ

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตปทุมวัน

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตพระโขนง

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตมีนบุรี

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตลาดกระบัง

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตยานนาวา

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตสัมพันธวงศ์

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตธนบุรี

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตพญาไท

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางกอกใหญ่

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตห้วยขวาง

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตคลองสาน

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตตลิ่งชัน

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางกอกน้อย

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางขุนเทียน

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตภาษีเจริญ

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตหนองแขม

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตราษฎร์บูรณะ

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางพลัด

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตดินแดง

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบึงกุ่ม

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตสาธร

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางซื่อ

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตจตุจักร

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางคอแหลม

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตประเวศ

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตคลองเตย

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตสวนหลวง

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตจอมทอง

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตดอนเมือง

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตราชเทวี

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตลาดพร้าว

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตวัฒนา

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางแค

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตหลักสี่

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตสายไหม

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตคันนายาว

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตสะพานสูง

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตวังทองหลาง

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตคลองสามวา

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตทวีวัฒนา

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางนา

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตทุ่งครุ

รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอเขตบางบอน

 

12
บริการด้านอาหาร: เมนูข้าวต้มปลา โปรตีนเยอะ ดีต่อสุขภาพ
 
การดูแลสุขภาพเพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงนั้น นอกจากการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอแล้ว การรู้จักเลือกรับประทานอาหารก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุขภาพดีได้ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และเพิ่มความสำคัญของการรับประทานอาหารแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด
เพราะอาหารบางชนิดก็เป็นยาดีของสุขภาพร่างกาย ที่ทำให้เรามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และยังช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย ซึ่งอาหารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย นอกเหนือจากสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้อาจช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคต่างๆ และที่สำคัญคือการรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะจะช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และจะส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่ดีด้วย

นอกจากนี้ เรายังต้องการควบคุมปริมาณของอาหารที่รับประทานเข้าไปด้วย รวมทั้งส่งผลต่อเนื่องไปยังการมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย ในทางตรงข้าม หากมีการรับประทานอาหารไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคอัมพาต เป็นต้น

อีกทั้งมีการมองว่า วัยแต่ละวัยควรได้รับอาหารที่แตกต่างกันตามวัย เช่น ในวัยเด็ก เนื้อสัตว์ ไข่ และนม ยังเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากร่างกายมีการเจริญเติบโต ซึ่งวันนี้จะมาแนะนำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพอย่าง ข้าวต้มปลา ซึ่งเป็นเมนูอาหารที่ง่าย แต่มีประโยชน์มากเลยทีเดียว แถมยังเหมาะกับผู้สูงอายุอีกด้วย เพราะเป็นอาหารที่รับประทานง่าย และให้คุณค่าทางสารอาหารครบถ้วนเลยทีเดียว
 
สำหรับขั้นตอนการทำและวัตถุดิบก็สามารถหาได้ง่าย เริ่มจาก ปลาเก๋า ข่าอ่อน รากผักชี กระเทียม กุ้งแห้ง หมึกแห้ง เกลือ ซีอิ๊วขาว รสดี 1 ช้อนชา ข้าวหอมมะลิ พริกไทย กระเทียมเจียว ขึ้นฉ่าย ต้นหอม พริกน้ำส้ม พริกป่น และวิธีการทำก็ง่ายมาก โดยเริ่มจากเตรียมและล้างทำความสะอาดปลาและเอาข่าอ่อนไปเผาไฟแล้วสับละเอียด


จากนั้นเริ่มทำน้ำซุปตั้งโดยหม้อใส่น้ำเปล่า ใส่รากผักชี กระเทียม กุ้งแห้ง และหมึกแห้ง ปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว และรสดี ต้มไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ ให้หมึกและกุ้งนุ่ม และตั้งหม้อต้มข้าวโดยข้าวที่ใช้เป็นหอมมะลิ ยางจะข้น ตั้งไฟจนเม็ดข้าวบาน แล้วรินน้ำทิ้ง ล้างยางออกเพื่อให้ข้าวสวยคงเม็ด และน้ำซุปมีความใสไม่ขุ่น หลังจากนั้นก็ตักน้ำซุปใส่หม้อพอประมาณ แล้วใส่ข้าวลงไป เติมข่าป่น ตั้งฉ่าย ต้มแต่พอเดือด เอาเนื้อปลาลงไปลวกในน้ำซุป ระยะเวลาสุกขึ้นอยู่กับความหนา-บางของชิ้นปลา จากนั้นก็ตักใส่ชาม เติมพริกไทย กระเทียมเจียว ขึ้นฉ่าย และต้นหอม ตามความชอบ ถ้าชอบเผ็ดก็เพิ่มพริกน้ำส้มกับพริกป่นเพียงเท่านี้เราก็จะได้เมนูเพื่อสุขภาพที่สามารถรับประทานได้ทั้งครอบครัว แถมยังให้คุณค่าทางสารอาหารที่เต็มไปด้วยโปรตีน


เนื่องจากเนื้อปลาจะเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ต่อร่างกาย อาจจะมีไขมันจะมีอยู่บ้าง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของปลา อย่างในปลาน้ำจืดจะมีไขมันไม่มากนัก ส่วนปลาทะเล ก็จะมีไขมันอีกประเภท ซึ่งจะแตกต่างจากปลาน้ำจืด พวกที่เป็นกรดไขมันซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย มีคุณค่าในแง่ของการลดการจับตัวของเกล็ดเลือด และอาจจะช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจหรือไขมันในเลือดสูงได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงสมอง ช่วยในการพัฒนาสมองในเด็ก โดยเฉพาะปลาทะเล นอกจากจะได้โปรตีนแล้ว ยังจะได้แร่ธาตุไอโอดีน จะมีบทบาทในการพัฒนาสมอง โดยเฉพาะป้องกันที่ไกลจากทะเลก็จะมีความเสี่ยงก็จะเกิดโรคคอพอก ในกลุ่มผู้สูงอายุก็เป็นแหล่งโปรตีน ที่รับประทานง่าย ย่อยง่ายด้วย อย่างไรก็ตาม การที่เราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงและได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์แล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย
 
อย่างไรก็ตามทางเราอยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และที่สำคัญควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ถึงแม้ว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้นจะมีประโยชน์ แต่ในทางกลับกันอาหารก็มีโทษด้วยเช่นกัน หากรับประทานผิดวิธี ดังนั้น เราจึงควรเอาใจใส่ในเรื่องของการรับประทานอาหารให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆจากการรับประทานอาหารได้

13
บริการทำความสะอาด: วิธีทำความสะอาดบ้าน 5 ขั้นตอนฉบับรวบรัด

หากคุณต้องการวิธีทำความสะอาดบ้านอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพใน 5 ขั้นตอนสำคัญ นี่คือขั้นตอนฉบับรวบรัดที่เน้นการทำงานให้เสร็จโดยไม่เสียเวลาค่ะ

วิธีทำความสะอาดบ้าน 5 ขั้นตอนฉบับรวบรัด

1. เคลียร์ความรก (Declutter Fast)

เก็บของเข้าที่: เดินไปทั่วบ้านเพื่อเก็บสิ่งของที่อยู่ผิดที่ (เสื้อผ้า, จานชาม, ของเล่น) เข้าที่ให้เร็วที่สุด หรือรวมไว้ในตะกร้าเพื่อจัดการทีหลัง

ทิ้งขยะ: นำขยะออกจากถังในทุกห้องทันที


2. เริ่มจากบนลงล่าง (Top-to-Bottom Dusting)

ปัดฝุ่น: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ปัดฝุ่นจากที่สูง (เช่น โคมไฟ ชั้นวางของสูง ๆ) ลงมาสู่เฟอร์นิเจอร์ด้านล่าง

เช็ดกระจกเงา: เช็ดกระจกเงาในห้องน้ำและห้องอื่น ๆ ให้ใส


3. ฉีดทิ้งไว้ในห้องเปียก (Spray & Wait in Wet Areas)

ห้องน้ำ: ฉีดน้ำยาทำความสะอาดใน โถส้วม และ อ่างอาบน้ำ/ฝักบัว ทิ้งไว้ให้สารเคมีทำงานขณะที่คุณไปทำความสะอาดส่วนอื่น

ห้องครัว: เช็ดเคาน์เตอร์ครัวและอ่างล้างจานให้สะอาด (ล้างจานก่อน)


4. เช็ดจุดสัมผัสและขัดล้าง (Wipe & Scrub)

ฆ่าเชื้อจุดสัมผัส: ใช้ผ้าฆ่าเชื้อเช็ด ลูกบิดประตู สวิตช์ไฟ และ รีโมท

ขัดห้องน้ำ: กลับไปขัดโถส้วมและส่วนอาบน้ำที่แช่น้ำยาไว้ จากนั้นล้างน้ำออกให้หมด


5. จัดการพื้นเป็นขั้นตอนสุดท้าย (Finish the Floors)

ดูดฝุ่น/กวาด: ดูดฝุ่นพรมและพื้นแข็งทั้งหมด

ถูพื้น: ถูพื้นแข็ง เริ่มจากด้านในสุดของห้องแล้วถอยออกมาจนถึงประตูทางออก

การทำตามลำดับนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและมั่นใจได้ว่าบ้านสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำงานซ้ำซ้อนค่ะ

14
หมอออนไลน์: นิ่วน้ำดี (Gallstone)

นิ่วน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี ก็เรียก) หมายถึงก้อนนิ่วที่เกิดอยู่ในถุงน้ำดี ซึ่งประกอบด้วยสาร 3 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่ คอเลสเตอรอล บิลิรูบิน (สารสีเหลืองในน้ำดี ซึ่งเกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง) และแคลเซียม โดยมีองค์ประกอบแบบหลากหลายและสัดส่วนของสารประกอบต่าง ๆ กันไป ทำให้เกิดนิ่วขึ้นมากมายหลายชนิด ซึ่งสามารถจัดแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ออกเป็น 3 ชนิดหลัก ได้แก่ (1) นิ่วคอเลสเตอรอล (cholesterol stone) ประกอบด้วยคอเลสเตอรอลเป็นหลัก คือ มีส่วนประกอบของคอเลสเตอรอลมากกว่า ร้อยละ 70 ในประเทศแถบตะวันตกพบนิ่วชนิดนี้เป็นส่วนใหญ่ (2) นิ่วเม็ดสี (pigment stone) ประกอบด้วยบิลิรูบินเป็นหลัก โดยมีส่วนประกอบของคอเลสเตอรอลน้อยกว่า ร้อยละ 30 ในประเทศแถบเอเซียพบนิ่วชนิดนี้ได้ราวร้อยละ 30-80 (3) นิ่วผสม (mixed stone) ซึ่งประกอบด้วยสารต่าง ๆ แบบหลากหลาย โดยมีส่วนประกอบของคอเลสเตอรอลระหว่างร้อยละ 30-70 ซึ่งมีการศึกษานิ่วน้ำดีในประเทศไทยพบว่า มีนิ่วผสมมากถึงประมาณร้อยละ 70 และมีนิ่วคอเลสเตอรอลเพียงประมาณร้อยละ 25

ก้อนนิ่วอาจมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทราย หรือขนาดใหญ่เท่าลูกกอล์ฟหรือไข่ไก่ อาจเกิดเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียว หรือก้อนเล็ก ๆ หลายก้อน (อาจถึงร้อย ๆ ก้อน) ก็ได้ นิ่วน้ำดีส่วนใหญ่พบในถุงน้ำดีเพียงอย่างเดียว ส่วนน้อยที่อาจพบในท่อน้ำดีเพียงอย่างเดียว หรือพบทั้งในถุงน้ำดีและท่อน้ำดี

นิ่วน้ำดีเป็นโรคที่พบได้บ่อย (พบได้ประมาณร้อยละ 5-10 ของประชากร) ซึ่งผู้ป่วยกว่าครึ่งหนึ่งจะไม่มีอาการแสดง และไม่รู้ตัวว่ามีนิ่วอยู่ในถุงน้ำดี จนกว่าแพทย์จะตรวจพบโดยบังเอิญ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการมักมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้องเป็นสำคัญ และจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด

โรคนี้ส่วนใหญ่พบในคนอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป และพบได้มากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น มักไม่พบในคนอายุต่ำกว่า 20 ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 1.5-2 เท่า

มักพบในผู้สูงอายุ คนอ้วน หญิงที่ตั้งครรภ์ หญิงที่มีบุตรหลายคน หรือกินยาเม็ดคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนเอสโทรเจน ผู้ที่ชอบกินอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคธาลัสซีเมีย ตับแข็ง หรือโรคติดเชื้อของระบบทางเดินน้ำดี ผู้ที่อดอาหารหรือลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว หรือผู้ที่กินยาลดไขมันกลุ่มโคลไฟเบรต

ผู้ที่มีประวัติพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนิ่วน้ำดี มีความเสี่ยงของการเป็นโรคนี้ได้มากขึ้น ซึ่งมักพบเป็นนิ่วชนิดคอเลสเตอรอล

สาเหตุ

เกิดจากความไม่สมดุลของสารที่เป็นส่วนประกอบของน้ำดีในถุงน้ำดี ทำให้มีการตกตะกอนเป็นผลึก ซึ่งค่อย ๆ สั่งสมเป็นเวลานานหลายปี จนกลายเป็นก้อนนิ่วในที่สุด สันนิษฐานว่ามีสาเหตุมาจากปัจจัยที่แตกต่างกันของนิ่วแต่ละชนิด ดังนี้

นิ่วคอเลสเตอรอล ซึ่งประกอบด้วยคอเลสเตอรอลเป็นหลัก มักมีลักษณะออกเป็นสีขาว เหลือง น้ำตาล หรือเขียวเข้ม เกิดจากการมีสัดส่วนของคอเลสเตอรอลในน้ำดีที่สูง แล้วตกตะกอนเป็นผลึกนิ่ว ทั้งนี้ อาจเกิดจาก (1) มีการหลั่งคอเลสเตอรอลมาที่ถุงน้ำดีมากกว่าปกติ เช่น ในคนอ้วน หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่เป็นเบาหวาน ผู้ที่กินอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง และกินอาหารที่มีกากใยต่ำ ลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วภายในเวลาสั้น ๆ หรือกินยาโคลไฟเบรตในการลดไขมันในเลือด (2) ตับมีการหลั่งกรดน้ำดี (ซึ่งเป็นตัวทำละลายคอเลสเตอรอล) น้อยกว่าปกติ ทำให้มีคอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง เช่น ผู้ที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด ผู้ที่เป็นตับแข็ง หรือ (3) เกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 2 อย่าง เช่น ในผู้สูงอายุ ผู้ที่กินฮอร์โมนเอสโทรเจน

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากปัจจัยเสริม เช่น ถุงน้ำดีมีการบีบตัวน้อย (hypomotility) ทำให้น้ำดีค้างอยู่ในถุงน้ำดีนานขึ้น จึงเกิดการตกตะกอนเป็นผลึกนิ่ว เช่น ผู้ที่อดอาหาร (ทำให้ถุงน้ำดีไม่ทำงานเพราะไม่มีการย่อยอาหาร) หญิงตั้งครรภ์ (เนื่องจากมีฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนที่สูงขึ้น) ผู้ป่วยเบาหวาน (เนื่องจากเบาหวานทำให้เกิดภาวะประสาทที่ควบคุมถุงน้ำดีเสื่อม) เป็นต้น

อาจพบเป็นก้อนเดี่ยว ๆ หรือหลายก้อนพร้อมกัน

นิ่วเม็ดสี ซึ่งประกอบด้วยบิลิรูบินเป็นหลัก มีลักษณะออกเป็นสีดำหรือน้ำตาล เกิดจากมีบิลิรูบิน (ชนิด unconjugated  bilirubin) ในน้ำดีสูงเกินไป ทำให้จับตัวกับแคลเซียม ตกตะกอนเป็นผลึกนิ่ว ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่

(1) นิ่วเม็ดสีดำ (black pigment stone) มักพบในผู้ที่มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกเรื้อรัง (เช่น ธาลัสซีเมีย) หรือผู้ป่วยตับแข็ง (ที่มีความดันในหลอดเลือดดำของตับสูง และม้ามโต เม็ดเลือดแดงจะถูกม้ามจับทำลายมากกว่าปกติ) หรือร่วมกันทั้งสองอย่าง มักพบเป็นก้อนเล็ก ๆ มีหลายก้อน

(2) นิ่วเม็ดสีน้ำตาล (brown pigment stone) มักพบในผู้ที่มีการติดเชื้อของทางเดินน้ำดีเรื้อรัง หรือเป็นโรคพยาธิในทางเดินน้ำดี นิ่วชนิดนี้เกิดได้ทั้งในถุงน้ำดีและทางเดินน้ำดี อาจพบเป็นก้อนเดี่ยว ๆ หรือหลายก้อนพร้อมกัน

อาการ

ส่วนใหญ่ของผู้ที่มีนิ่วน้ำดีจะไม่มีอาการผิดปกติแสดงให้เห็นแต่อย่างใด และมักตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจร่างกายด้วยโรคอื่น

ในรายที่ก้อนนิ่วเคลื่อนไปอุดในท่อน้ำดี (bile duct) จะมีอาการปวดบิดรุนแรงเป็นพัก ๆ ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา ซึ่งอาจปวดร้าวมาที่ไหล่ขวา หรือบริเวณหลังตรงใต้สะบักขวา และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย บางรายอาจปวดรุนแรงจนเหงื่อออก เป็นลม

อาการปวดท้องมักเป็นหลังกินอาหารมัน ๆ หรือกินอาหารมื้อหนัก แต่อาจเกิดตอนกลางคืนหรือเวลาอื่นใดก็ได้ แต่ละครั้งจะปวดนาน 15-30 นาที บางรายอาจนาน 2-6 ชั่วโมง และจะทุเลาไปเอง เมื่อเว้นไปนานเป็นแรมสัปดาห์ แรมเดือน หรือแรมปีก็อาจกำเริบได้อีก (ถ้าปวดท้องทุกวันมักจะไม่ใช่เป็นนิ่วน้ำดี)

บางรายอาจมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เกิดขึ้นตามหลังอาการปวดท้อง

บางรายอาจมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อบริเวณเหนือสะดือ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายอาการของอาหารไม่ย่อยหรือโรคกระเพาะ ซึ่งมักจะเป็นหลังกินอาหารมัน ๆ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง


ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย คือ นิ่วหลุดออกจากถุงน้ำดีลงมาอุดตันบริเวณปากถุงน้ำดี ทำให้เกิดถุงน้ำดีอักเสบ จากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งอาจรุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เป็นต้น

นอกจากนี้ นิ่วอาจหลุดลงมาอุดตันบริเวณท่อน้ำดีร่วม (common bile duct) ทำให้น้ำดีไหลออกไม่ได้ เกิดท่อน้ำดีอักเสบ จากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

หรือนิ่วอาจหลุดลงมาอุดตันบริเวณปลายท่อน้ำดีร่วม ทำให้ท่อตับอ่อน (ที่มาเชื่อมต่อกับส่วนปลายของท่อน้ำดีร่วม) อุดตัน น้ำย่อยในตับอ่อนออกไม่ได้ และไหลย้อนกลับไปที่เนื้อตับอ่อน ทำให้ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันรุนแรง

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้แต่ค่อนข้างน้อยมาก (พบได้น้อยกว่า 1 รายในผู้ที่เป็นนิ่วน้ำดี 10,000 คน) คือ การกลายเป็นมะเร็งถุงน้ำดี (gallbladder cancer)*

*มะเร็งถุงน้ำดี เป็นมะเร็งที่พบได้ค่อนข้างน้อย มักพบในคนอายุมากกว่า 65 ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะพบว่ามีก้อนนิ่วน้ำดีขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. หรือเป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังและผนังของถุงน้ำดีมีแคลเซียม (หินปูน) พอก นอกจากนี้ ยังอาจมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น โรคติ่งเนื้อในถุงน้ำดี (gall bladder polyp) เบาหวาน ภาวะอ้วน การสูบบุหรี่ การดื่มสุราจัด การมีประวัติพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเป็นมะเร็งถุงน้ำดี เป็นต้น ผู้ป่วยมักมีอาการเมื่อเป็นมากแล้ว โดยจะมีอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน บางรายอาจมีไข้สูง คลำได้ก้อนที่ใต้ชายโครงขวา หรือเบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดมาก


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากซักถามประวัติการเจ็บป่วยและอาการแสดง การตรวจร่างกายมักไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน ยกเว้นบางรายอาจมีอาการตาเหลือง หรืออาจตรวจพบอาการกดเจ็บเล็กน้อยบริเวณใต้ลิ้นปี่และใต้ชายโครงขวา

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง (abdominal ultrasound) เป็นหลัก

ในรายที่ยังวินิจฉัยไม่ได้แน่ชัด หรือสงสัยเป็นนิ่วก้อนเล็กหรือนิ่วที่ติดอยู่ในท่อน้ำดี หรือสงสัยมีภาวะแทรกซ้อน อาจทำการตรวจด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การตรวจระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องที่ติดอัลตราซาวนด์ (endoscopic ultrasound) การถ่ายภาพรังสีตรวจถุงน้ำดีโดยการกินสารทึบรังสี (oral cholecystography) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การส่องกล้องตรวจทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (endoscopic retrograde cholangiopancreatography/ERCP ซึ่งระหว่างการตรวจ หากพบก้อนนิ่ว ก็สามารถให้การรักษาโดยนำก้อนนิ่วออกมา) เป็นต้น

นอกจากนี้ แพทย์อาจทำการตรวจเลือด ในรายที่สงสัยมีการติดเชื้อหรือการอักเสบของถุงน้ำดี ท่อน้ำดี ตับอ่อน หรือสงสัยมีโรคอื่น (เช่น ตับแข็ง เบาหวาน ธาลัสซีเมีย) ร่วมด้วย


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วน้ำดีที่ยังไม่มีอาการแสดงอะไรแต่ตรวจพบโดยบังเอิญ ขณะที่ไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาโรคอื่น (เช่น โรคของกระเพาะอาหาร โรคตับ อาการปวดท้องที่ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน) ซึ่งมักพบจากการตรวจอัลตราซาวนด์หรือเอกซเรย์ช่องท้อง แพทย์ก็จะให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว โดยไม่มีการให้ยาหรือการผ่าตัดรักษาแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง หรืออายุน้อย เนื่องเพราะมักไม่ก่อเกิดภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะนัดติดตามดูเป็นระยะ จนกว่าจะมีอาการแสดง (เช่น ปวดท้อง) จึงค่อยทำการรักษาด้วยการผ่าตัด ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีโอกาสเกิดอาการปวดท้องจากนิ่วน้ำดีที่ซ่อนอยู่ประมาณร้อยละ 10-20 ในระยะ 5-20 ปีหลังการวินิจฉัย ซึ่งมีโอกาสเกิดอาการปวดท้องโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 1-2 ต่อปี

แพทย์อาจพิจารณาทำการผ่าตัดผู้ป่วยที่ไม่มีอาการแสดง ในรายที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น นิ่วน้ำดีที่ตรวจพบว่ามีแคลเซียมพอกที่ผนังของถุงน้ำดี หรือมีก้อนนิ่วขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งถุงน้ำดี, นิ่วขนาดเล็กที่อาจหลุดลงมาอุดที่ท่อน้ำดีร่วม ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดท่อน้ำดีอักเสบ หรือตับอ่อนอักเสบ นิ่วน้ำดีที่พบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือเป็นโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง ตับแข็ง เป็นต้น) เนื่องเพราะหากรอให้มีอาการแสดงและเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องทำการผ่าตัดแบบฉุกเฉิน จะมีโอกาสเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตมากกว่าการผ่าตัดในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงดี และมีการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด

ในกรณีที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดช่องท้องด้วยสาเหตุอื่น แพทย์อาจถือโอกาสทำการผ่าตัดรักษานิ่วน้ำดีที่ไม่แสดงอาการที่มีอยู่เดิมนั้นพร้อม ๆ กันไป หากเห็นว่าเหมาะสม

2. ในรายที่มีอาการปวดท้อง มีแนวทางดังนี้

(1) แพทย์จะรักษาโดยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกแบบไม่เร่งด่วน คือ นัดหมายมาทำผ่าตัดในเวลาที่เหมาะสม (ซึ่งขึ้นกับความรุนแรงของโรคและการเตรียมความพร้อมสำหรับการผ่าตัด) ระหว่างรอนัดมาผ่าตัด แพทย์อาจให้ยาบรรเทาอาการปวดท้อง และแนะนำว่าถ้าปวดท้องรุนแรงขึ้นหรือบ่อยขึ้น ก็ให้กลับมาพบแพทย์ก่อนวันนัดผ่าตัด

(2) ถ้ามีภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ถุงน้ำดีอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ หรือตับอ่อนอักเสบ ซึ่งมักมีอาการปวดท้องรุนแรง ไข้สูง และอาจมีดีซ่านร่วมด้วย ก็จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล โดยให้ยารักษาภาวะแทรกซ้อน (เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด ยาแก้ไข้ ให้น้ำเกลือ) ให้ทุเลาก่อน แล้วจะทำการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกในเวลาที่เหมาะสม ยกเว้นในรายที่มีภาวะที่รุนแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า เชื้อเข้ากระแสโลหิต หรือโลหิตเป็นพิษ) หรือการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลเท่าที่ควร แพทย์ก็จะทำการผ่าตัดแบบเร่งด่วนเลย                     

การผ่าตัด ในปัจจุบันนิยมผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง (laparoscopic cholecystectomy) โดยการส่องกล้องเข้าช่องท้อง ผ่านแผลที่เจาะเป็นรูเล็ก ๆ ที่หน้าท้อง 3-4 จุด (เพื่อสอดอุปกรณ์และกล้อง) ซึ่งจะเจ็บแผลเพียงเล็กน้อยและหายได้เร็ว ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านภายใน 1-2 วัน และพักงานประมาณ 7-10 วันก็กลับไปทำงานได้ตามปกติ

ในกรณีที่มีนิ่วในท่อน้ำดีร่วมด้วย แพทย์จะทำการรักษาด้วยการส่องกล้องตรวจทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (ERCP) แล้วนำเอานิ่วออกมา ซึ่งแพทย์อาจทำก่อนหรือระหว่างการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีก็ได้ โดยพิจารณาตามสภาพปัญหาที่พบ

ส่วนการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง (open cholecystectomy) ซึ่งเป็นวิธีผ่าตัดแบบเดิม แพทย์จะเลือกใช้ในกรณีที่ถุงน้ำดีที่มีอาการอักเสบรุนแรงหรือแตกทะลุในช่องท้อง หรือในรายที่ไม่เหมาะที่ใช้วิธีผ่าตัดแบบส่องกล้อง (เช่น ผู้ป่วยที่มีเยื่อบุช่องท้องอักเสบ เป็นมะเร็งถุงน้ำดี ตับแข็งระยะรุนแรง มีภาวะโลหิตเป็นพิษ หรือการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ, มีประวัติเคยผ่าตัดช่องท้องมาก่อน, หญิงตั้งครรภ์ระยะไตรมาสท้าย, ผู้ที่มีภาวะอ้วนจัด เป็นต้น)

หลังการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ ผู้ป่วยต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานประมาณ 3-5 วัน หรือนานเป็นสัปดาห์ และไม่ควรทำงานหนักหรือยกของหนักอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ได้ผลดี ร่างกายฟื้นตัวหายเป็นปกติ

ส่วนน้อยอาจมีความยุ่งยากในการรักษา หรือเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต ซึ่งมักจะพบในผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า เชื้อเข้ากระแสโลหิตหรือโลหิตเป็นพิษ), มีภาวะดื้อต่อยาที่รักษา, หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง ตับแข็ง เป็นต้น)


การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นนิ่วน้ำดี เช่น ปวดท้องแบบปวดบิดเกร็งเป็นพัก ๆ ที่บริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวาหลังกินอาหารเป็นบางมื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังกินอาหารมัน หรือมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อยเรื้อรัง หรือกินยารักษาโรคกระเพาะไม่ได้ผล ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นนิ่วน้ำดี ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด
    ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการแสดง หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยและไม่บ่อย ซึ่งแพทย์นัดติดตามดูอาการเป็นระยะนั้น ควรปฏิบัติ ดังนี้

- ทำงาน และออกกำลังกายได้เป็นปกติ แต่ไม่ให้หักโหมมากเกินไป
- กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรอดอาหาร
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันชนิดอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันสัตว์ เครื่องในสัตว์ หนังสัตว์ น้ำมันหมู มันหมู หมูสามชั้น หมูกรอบ ขาหมู ข้าวมันไก่ เนื้อวัวติดมัน หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอก เนย ครีม กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไข่แดง อาหารทะเล (เช่น หอยแครง หอยนางรม ปลาหมึก) อาหารทอด (เช่น แคบหมู ไก่ทอด กล้วยแขก ปาท่องโก๋ มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบทอด) เป็นต้น
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- งดสูบบุหรี่และดื่มสุรา
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการปวดท้องรุนแรงหรือปวดท้องบ่อย มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ) หรือมีความวิตกกังวล
 

ผู้ปวยที่กลับจากโรงพยาบาลหลังผ่าตัด

- ควรพักฟื้น และหลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือยกของหนักจนกว่าจะฟื้นตัวเป็นปกติ หรือตามที่แพทย์แนะนำ
- ดูแลรักษาแผลผ่าตัดตามที่แพทย์แนะนำ
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารโปรตีนให้มาก เช่น นมพร่องมันเนย ไข่ขาว เนื้อปลา เต้าหู้ ถั่วเหลือง เป็นต้น
- กินอาหารที่ย่อยง่าย วันละ 5-6 มื้อ แต่ละมื้อลดปริมาณลงเหลือครึ่งหนึ่งของปกติ (จากที่เคยกิน วันละ 3 มื้อ)
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง และอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน
- กินผักผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าแผลอักเสบ, หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินมาก ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ), หรือถ้ากินยาที่แพทย์สั่งให้แล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)


การป้องกัน

การปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค

1. รักษาน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินหรือเป็นโรคอ้วน

2. ถ้าต้องการลดน้ำหนักตัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อแนะนำวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ไม่ลดเร็วเกินไป เนื่องเพราะการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี

3. กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ข้ามมื้ออาหาร หรืออดอาหาร

4. ลดอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง

5. กินอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช

6. ออกกำลังกายเป็นประจำ


ข้อแนะนำ

1. การวินิจฉัยโรคนิ่วน้ำดีให้แน่ชัด ไม่สามารถอาศัยเพียงอาการแสดงและการตรวจร่างกาย แต่จำเป็นต้องทำการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ ปัจจุบันแพทย์จะทำการวินิจฉัยด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้องเป็นหลัก ซึ่งเป็นวิธีที่ดีกว่าการเอกซเรย์ช่องท้องแบบธรรมดา (plain abdomen) เหตุผลก็คือ การเอกซเรย์อาจตรวจไม่พบก้อนนิ่วประมาณร้อยละ 50 ของผู้ป่วยที่เป็นนิ่วน้ำดี เนื่องเพราะเป็นนิ่วที่มีส่วนประกอบของคอเลสเตอรอลหรือบิลิรูบินเป็นหลัก แต่มีส่วนประกอบของแคลเซียม (หินปูน) น้อย (เช่น นิ่วคอเลสเตอรอล นิ่วเม็ดสีน้ำตาล) ซึ่งมีคุณสมบัติโปร่งรังสี (รังสีผ่านได้) ทำให้ไม่เห็นภาพของนิ่วบนฟิล์มเอกซเรย์

2. การรักษานิ่วน้ำดี แพทย์จะรักษาด้วยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกไปด้วย เนื่องเพราะหากเอาแต่นิ่วออกและคงถุงน้ำดีไว้ มีโอกาสกลับเป็นนิ่วขึ้นใหม่ได้อีก

การไม่มีถุงน้ำดี ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย ถุงน้ำดีทำหน้าที่เป็นตัวเก็บพักน้ำดีจากที่ตับสร้าง แล้วปล่อยน้ำดีลงมาตามท่อน้ำดีร่วมเข้าสู่ลำไส้เล็กเพื่อการย่อยไขมัน แม้จะไม่มีถุงน้ำดี ตับยังคงสร้างน้ำดีได้ตามปกติและไหลลงมาตามท่อน้ำดีโดยตรง แต่จะมีความเข้มข้นน้อยกว่าน้ำดีที่เก็บพักในถุงน้ำดี หลังผ่าตัดใหม่ ๆ ผู้ป่วยบางคนอาจมีปัญหาการย่อยไขมันได้ ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเดิน หรือถ่ายเหลวบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกินอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัว ทำให้อาการทุเลาไปได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ ระหว่างที่มีอาการ แนะนำให้ผู้ป่วยงดกินอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน ควรกินผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มาก ๆ

3. ผู้ที่เป็นนิ่วน้ำดี บางครั้งอาจมีอาการที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคกระเพาะ เนื่องเพราะจะมีลักษณะปวดเป็นครั้งคราวที่บริเวณใต้ลิ้นปี่คล้าย ๆ กัน ดังนั้น หากคิดว่าเป็นโรคกระเพาะ กินยารักษาโรคกระเพาะแล้วไม่ทุเลา หรือเป็นเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด

4. ผู้ป่วยที่มีอาการแบบนิ่วน้ำดี บางรายแพทย์อาจตรวจพบว่าเป็นเพียงของเหลวข้น เหนียวหนืด คล้ายโคลน ที่อยู่ในถุงน้ำดี เรียกว่า "ตะกอนในถุงน้ำดี (gallbladder sludge/biliary sludge)" ซึ่งมีส่วนประกอบคล้ายนิ่วน้ำดี เป็นภาวะที่พบได้น้อย เกิดจากถุงน้ำดีมีการบีบตัวน้อย ทำให้น้ำดีค้างอยู่ในถุงน้ำดีนานจนตกตะกอน มักพบในหญิงขณะตั้งครรภ์ ผู้ที่ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ป่วยที่แพทย์ให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ (parenteral nutrition) หรืออาจเกิดเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยา (เช่น ceftriaxone) ภาวะนี้อาจหายได้เอง หรือเป็น ๆ หาย ๆ หรือกลายเป็นนิ่วน้ำดีก็ได้

ตะกอนน้ำดีอาจไม่มีอาการ (ตรวจพบโดยบังเอิญ) ถ้ามีอาการปวดท้อง หรือมีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งมักพบเป็นแบบเดียวกับนิ่วน้ำดี จำเป็นต้องทำการตรวจวินิจฉัยแบบเดียวกับนิ่วน้ำดี และรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดี

5. ในปัจจุบันไม่แนะนำให้รักษาด้วยการใช้ยาละลายนิ่วน้ำดี เพราะได้ผลน้อย ยกเว้นในรายที่มีความเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัด แพทย์อาจให้กินยาละลายนิ่วน้ำดี* ซึ่งได้ผลดีกับผู้ป่วยที่เป็นนิ่วคอเลสเตอรอล และมีลักษณะก้อนนิ่วเล็ก ๆ หลายก้อน โดยอาจต้องกินยานานเป็นปี ๆ แต่หลังหยุดยาอาจเกิดนิ่วขึ้นใหม่ได้ประมาณร้อยละ 10 ต่อปี

*ยาละลายนิ่วน้ำดี คือ ursodeoxycholic acid  หรือ chenodeoxycholic acid ซึ่งมีฤทธิ์ลดการสร้างคอเลสเตอรอลที่ตับที่ไหลลงมาในถุงน้ำดี ทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีลดปริมาณลง ช่วยให้นิ่วก้อนเล็ก ๆ ค่อย ๆ ละลายไปได้

15
หมอประจำบ้าน: ถุงน้ำดีอักเสบ

ถุงน้ำดีอักเสบ หมายถึง ภาวะที่ถุงน้ำดีมีการอักเสบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาวะแทรกซ้อนของนิ่วน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี) ดังนั้น จึงพบได้บ่อยในผู้ที่เป็นนิ่วน้ำดี และพบได้บ่อยที่สุดในช่วงอายุ 50-69 ปี

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไข้และปวดท้องเกิดขึ้นฉับพลันทันที เรียกว่า "ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (acute cholecystitis)" ซึ่งมักมีอาการปวดท้องรุนแรง นับว่าเป็นโรคที่รุนแรงที่ต้องเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลอย่างรีบด่วน เนื่องเพราะหากปล่อยไว้หรือได้รับการรักษาที่ล่าช้า อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ส่วนน้อยอาจมีอาการไม่รุนแรงหรือไม่ชัดเจน และมักไม่ได้ถูกวินิจฉัยที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง เรียกว่า "ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง (chronic cholecystitis)" ซึ่งการอักเสบที่เกิดขึ้นซ้ำซาก จะทำให้ผนังถุงน้ำดีหนาตัว ไม่สามารถขยายตัวและบีบตัวได้เป็นปกติ และหากปล่อยไว้ อาจกลายเป็นถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้

ถุงน้ำดีอักเสบพบมากในกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน) ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงสูง

สาเหตุ

ถุงน้ำดีอักเสบ ส่วนใหญ่มักเป็นภาวะแทรกซ้อนของนิ่วน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี) หรือตะกอนในถุงน้ำดี (gall bladder sludge)  เนื่องจากนิ่วหรือตะกอนหลุดออกจากถุงน้ำดีลงมาอุดตันบริเวณปากถุงน้ำดี (cystic duct) ทำให้ถุงน้ำดีมีแรงดันเพิ่มขึ้นและมีการขยายตัว ทำให้เยื่อบุผนังของถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นผลให้เกิดการอักเสบ และบางรายอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น อีโคไล เคล็บซิลลา สเตรปโตค็อกคัส  สแตฟีโลค็อกคัส เป็นต้น) ร่วมด้วย

มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่ได้เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี แต่เกิดเป็นผลแทรกซ้อนจากโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ อาทิ  โรคติดเชื้อ (เช่น เอดส์ ตับอักเสบจากไวรัส ไทฟอยด์ เป็นต้น), ภาวะอุดกั้นของท่อน้ำดี (จากเนื้องอกในช่องท้อง หรือจากการตีบตันของท่อน้ำดีที่เกิดความผิดปกติ), การผ่าตัดในช่องท้อง, การบาดเจ็บรุนแรง หรือบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก, ภาวะขาดอาหารรุนแรง, การเจ็บป่วยอื่น ๆ ที่กระทบต่อถุงน้ำดี หรือเกิดการทำลายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงถุงน้ำดีทำให้ถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นต้น มักพบในผู้ป่วยที่สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่มีการเจ็บป่วยหนัก นอนรักษาตัวในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก มีภาวะช็อก หัวใจล้มเหลว หรือโลหิตเป็นพิษ หรือแพทย์ให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ (parenteral nutrition) เป็นเวลานาน สันนิษฐานว่าปัจจัยเหล่านี้ทำให้ถุงน้ำดีบีบตัวได้น้อย และน้ำดีซึ่งมีความเข้มข้น (เนื่องจากมีไข้สูงจากโรคที่เป็นสาเหตุ และภาวะขาดน้ำ) คั่งค้างอยู่ในถุงน้ำดีนาน ทำให้ถุงน้ำดีมีแรงดันเพิ่มขึ้น และเยื่อบุผนังของถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นผลให้ถุงน้ำดีอักเสบ*

*ถุงน้ำดีอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี (acalculous cholecystitis) พบได้ราวร้อยละ 5-10 ของผู้ที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบทั้งหมด ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ส่วนมากจะเกิดอาการถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีไข้สูงและปวดท้องรุนแรง) แต่มีความรุนแรง (คือมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ได้แก่ ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า และถุงน้ำดีแตกทะลุ) และมีอัตราตายมากกว่าถุงน้ำดีอักเสบที่เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี (calculous cholecystitis) แพทย์จะทำการรักษาแบบเดียวกับถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน

อาการ

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ผู้ป่วยมีการอักเสบเกิดขึ้นฉับพลันทันที ด้วยอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดท้องรุนแรง ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา เวลาหายใจลึก ๆ จะปวดเจ็บมากขึ้น  และมักมีอาการกดเจ็บ (ใช้มือกดตรงบริเวณที่ปวดจะรู้สึกเจ็บมาก) อาจมีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ขวา ใต้สะบักขวาหรือ ตรงกลางหลัง นอกจากนี้ อาจมีอาการท้องอืด เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

อาการมักเกิดหลังกินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารมัน ๆ และจะมีอาการปวดท้องตลอดเวลาต่อเนื่องไปจนกว่าจะได้รับการรักษา

บางรายอาจมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้มเหมือนขมิ้น) และอุจจาระสีซีดขาว เนื่องจากน้ำดีถูกอุดกั้น ระบายสู่ลำไส้ไม่ได้ และย้อนเข้ากระแสเลือด

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ซึ่งอาการจะกำเริบเมื่อนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดีเคลื่อนตัวไปอุดตันปากถุงน้ำดี ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องแบบเล็กน้อยตรงใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา บางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ขวา ใต้สะบักขวา หรือตรงกลางหลัง และอาจมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน อาการมักเป็นในเวลาตอนเย็นหรือกลางคืน หรือหลังจากกินอาหารมัน ๆ อาการปวดท้องที่เป็นเพียงเล็กน้อยตรงชายโครงขวาและใต้ลิ้นปี่ มักทำให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะหรืออาหารไม่ย่อย

อาการปวดท้องแต่ละครั้งจะเป็นอยู่นานเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ แล้วก็จะหายไปได้เองอยู่ระยะหนึ่ง (เนื่องจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดีเคลื่อนตัวหลุดออกจากปากถุงน้ำดี ทำให้การอุดตันนั้นคลายไป) ต่อมาอีกสักระยะหนึ่ง เมื่อเกิดการอุดตันกลับมาอีก อาการก็จะกลับมากำเริบใหม่ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยอาจมีอาการแรงขึ้นหรือบ่อยขึ้น

บางรายในเวลาต่อมาอาจมีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีไข้ ปวดท้องรุนแรง) หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เกิดขึ้นได้

ภาวะแทรกซ้อน

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่

    ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี (empyema of gallbladder) ซึ่งเกิดจากน้ำดีในถุงน้ำดีเกิดการติดเชื้อ กลายเป็นหนองขังอยู่ในถุงน้ำดี อาจทำให้เกิดภาวะช็อกจากโรคติดเชื้อ (septic shock) เป็นอันตรายได้
    ถุงน้ำดีเป็นเนื้อตายเน่า (gangrene of gallbladder) ซึ่งเกิดจากผนังถุงน้ำดีที่อักเสบเกิดการบวมและขยายตัว ทำให้ขาดเลือดและเนื้อเยื่อตาย ถุงน้ำดีเกิดการแตกทะลุ เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบและหนองในช่องท้อง เชื้อเข้ากระแสเลือด กลายเป็นโลหิตเป็นพิษ เป็นอันตรายได้
    ถุงน้ำดีที่มีภาวะพองลม (emphysematous cholecystitis) เกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงถุงน้ำดีแข็งและตีบตัว ทำให้ถุงน้ำดีขาดเลือด เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่สร้างก๊าซ (gas forming organism เช่น กลุ่มเชื้อคลอสตริเดียม อีโคไล เป็นต้น) ทำให้เกิดการสะสมของก๊าซ (การพองลม) ในผนังถุงน้ำดีและภายในของถุงน้ำดี เป็นภาวะที่พบได้น้อย พบบ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้ที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคนี้ ซึ่งมีอัตราตายสูง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเนื้อตายเน่าและการแตกทะลุของถุงน้ำดี
    ภาวะแทรกซ้อนอื่นที่อาจพบได้ เช่น ภาวะโลหิตเป็นพิษ (เชื้อเข้ากระแสโลหิต) ตับอ่อนอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ ตับอักเสบ

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง อาจพบภาวะแทรกซ้อน ได้แก่

    มีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อนตามมาในภายหลัง และอาจมีผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงดังกล่าวข้างต้น
    ลำไส้อุดกั้น (small bowel obstruction) เนื่องจากเกิดทางทะลุ (fistula) ระหว่างถุงน้ำดีกับลำไส้เล็ก นิ่วในถุงน้ำดีหลุดเข้าไปอุดกั้นในลำไส้เล็ก ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องอืดแน่นรุนแรง เรียกว่า "ภาวะลำไส้อุดกั้นจากนิ่วน้ำดี (gallstone ileus)"
    ท่อน้ำดีเกิดการอุดกั้น จากการกดเบียดของพังผืดที่เกิดขึ้นเนื่องจากการอักเสบเรื้อรังของถุงน้ำดี ทำให้เกิดภาวะดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้มเหมือนขมิ้น และอุจจาระสีซีดขาว) และอาจเกิดการติดเชื้อ ทำให้ท่อน้ำดีอักเสบแทรกซ้อนได้
    การอักเสบเรื้อรังของถุงน้ำดี อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของถุงน้ำดีมากกว่าปกติ

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากการซักถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

การตรวจร่างกาย ในผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันมักพบว่ามีไข้ กดเจ็บมากตรงใต้ชายโครงขวาหรือใต้ลิ้นปี่ บางรายอาจตรวจพบอาการตาเหลืองตัวเหลือง

ส่วนในผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง จะไม่พบว่ามีไข้ หรืออาการตาเหลืองตัวเหลือง และอาจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจนอื่น ๆ ยกเว้นบางรายอาจตรวจพบอาการกดเจ็บเล็กน้อยบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง (abdominal ultrasound) และการตรวจเลือด (ในถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน จะพบว่ามีเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติ และการทำงานของตับผิดปกติ) เป็นหลัก ในรายที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อเข้ากระแสโลหิต (โลหิตเป็นพิษ) แพทย์จะทำการเพาะเชื้อจากเลือด (blood culture) และทดสอบความไวของเชื้อต่อยาปฏิชีวนะ

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การตรวจระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องที่ติดอัลตราซาวนด์ (endoscopic ultrasound) การถ่ายภาพรังสีตรวจถุงน้ำดีโดยการกินสารทึบรังสี (oral cholecystography) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การตรวจสแกนตับและทางเดินน้ำดี (hepatobiliary scan) การส่องกล้องตรวจทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (endoscopic retrograde cholangiopancreatography/ERCP) เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ให้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ โดยให้ผู้ป่วยงดน้ำและอาหารเพื่อให้ถุงน้ำดีได้พัก และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ ให้ยาบรรเทา (เช่น แก้ปวด แก้ไข้ แก้คลื่นไส้อาเจียน)

2. ให้ยาปฏิชีวนะ รักษาการติดเชื้อ ซึ่งมักจะให้ยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำเป็นหลัก

3. ทำการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงน้ำดีอักเสบกำเริบซ้ำ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ซึ่งจะพิจารณาทำการผ่าตัดในเวลาที่เหมาะสม ยกเว้นในรายที่มีภาวะที่รุนแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า ภาวะโลหิตเป็นพิษ) หรือการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลเท่าที่ควร แพทย์ก็จะทำการผ่าตัดแบบรีบด่วน

การผ่าตัด แพทย์จะเลือกวิธีผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง (laparoscopic cholecystectomy) หรือผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง (open cholecystectomy) โดยพิจารณาตามสภาพปัญหาของผู้ป่วยแต่ละราย

ในรายที่มีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดถุงน้ำดี แพทย์จะใช้วิธีผ่าระบายถุงน้ำดี (cholecystostomy) โดยทำการเปิดถุงนํ้าดีผ่านทางหน้าท้อง เพื่อระบายเอาหนองหรือน้ำดีออกทางท่อต่อสายยางที่เย็บติดกับทางเปิดนั้น

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ได้ผลดี ร่างกายฟื้นตัวหายได้เป็นปกติ

ส่วนน้อยอาจมีความยุ่งยากในการรักษา หรือเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต ซึ่งมักจะพบในผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า เชื้อเข้ากระแสโลหิตหรือโลหิตเป็นพิษ), มีภาวะดื้อต่อยาที่รักษา, หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง ตับแข็ง เป็นต้น)

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบไม่รีบด่วน คือนัดหมายให้ทำในเวลาที่สะดวกและมีการเตรียมความพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่จะทำการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง การผ่าตัดถุงน้ำดีนอกจากจะได้ผลดีและปลอดภัยแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ได้รับอันตรายจากการเกิดถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้อีกด้วย

สำหรับผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังบางคนที่ยังไม่สะดวกหรือไม่พร้อมที่จะรับการผ่าตัด หากร่างกายยังแข็งแรงดี หรือมีอาการยังไม่มาก แพทย์จะทำการติดตามดูอาการเป็นระยะ และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันสูงเพื่อไม่ให้อาการกำเริบบ่อย


การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นถุงน้ำดีอักเสบ เช่น มีไข้และปวดท้องรุนแรงตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา หรือมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ซึ่งกินยารักษาโรคกระเพาะไม่ได้ผล หรือเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด
    ผู้ป่วยที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังที่ยังไม่ได้ผ่าตัด ซึ่งแพทย์นัดติดตามดูอาการเป็นระยะนั้น ควรปฏิบัติ ดังนี้

- ทำงาน และออกกำลังกายได้เป็นปกติ แต่ไม่ให้หักโหมมากเกินไป
- กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรอดอาหาร 
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันชนิดอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันสัตว์ เครื่องในสัตว์ หนังสัตว์ น้ำมันหมู มันหมู  หมูสามชั้น หมูกรอบ ขาหมู ข้าวมันไก่ เนื้อวัวติดมัน หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอก เนย ครีม กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไข่แดง อาหารทะเล (เช่น หอยแครง หอยนางรม ปลาหมึก) อาหารทอด (เช่น แคบหมู หมูทอด ไก่ทอด กล้วยแขก ปาท่องโก๋ มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบทอด) เป็นต้น
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- งดสูบบุหรี่และดื่มสุรา
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการปวดท้องรุนแรง หรือปวดท้องบ่อย มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ) หรือมีความวิตกกังวล

    ผู้ป่วยที่กลับจากโรงพยาบาลหลังผ่าตัด

- ควรพักฟื้น และหลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือยกของหนักจนกว่าจะฟื้นตัวเป็นปกติ หรือตามที่แพทย์แนะนำ
- ดูแลรักษาแผลผ่าตัดตามที่แพทย์แนะนำ
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารโปรตีนให้มาก เช่น นมพร่องมันเนย ไข่ขาว เนื้อปลา เต้าหู้ ถั่วเหลือง เป็นต้น
- กินอาหารที่ย่อยง่าย วันละ 5-6 มื้อ แต่ละมื้อลดปริมาณลงเหลือครึ่งหนึ่งของปกติ (จากที่เคยกินวันละ 3 มื้อ)
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง และอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าแผลอักเสบ, หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินมาก ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ), หรือถ้ากินยาที่แพทย์สั่งให้แล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)

การป้องกัน

1. หาทางป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วน้ำดี โดยปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

    รักษาน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินหรือเป็นโรคอ้วน
    ถ้าต้องการลดน้ำหนักตัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อแนะนำวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ไม่ลดเร็วเกินไป เนื่องเพราะการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี
    กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ข้ามมื้ออาหาร หรืออดอาหาร
    ลดอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง
    กินอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช
    ออกกำลังกายเป็นประจำ

2. ผู้ที่แพทย์ตรวจพบว่าเป็นนิ่วน้ำดี ควรรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดีตามที่แพทย์แนะนำ

ข้อแนะนำ

1. ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีอาการไข้และปวดท้องรุนแรงตลอดเวลา) ซึ่งพบได้บ่อยกว่าถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง (มีอาการปวดท้องที่ไม่ค่อยชัดเจนและไม่รุนแรง เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย) นับว่าเป็นภาวะที่ค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการสงสัย ควรไปพบแพทย์ภายใน 6 ชั่วโมง การไปพบแพทย์ล่าช้าเกินไป อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ทำให้เกิดความยุ่งยากในการรักษาหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือโรคเรื้อรังอื่น ๆ

2. ผู้ที่มีอาการปวดตรงใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวาแบบไม่รุนแรง หรือมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อบ่อย โดยที่สุขภาพทั่วไปเป็นปกติดี และมักมีอาการหลังกินอาหาร เป็น ๆ หาย ๆ คล้ายอาการของโรคกระเพาะหรืออาหารไม่ย่อย มักจะเข้าใจว่าเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร (เช่น กรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหารอักเสบ) ถ้าลองกินยาที่ใช้รักษาโรคกระเพาะแล้วอาการไม่ทุเลา หรือมีอาการเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการของถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีประวัติเป็นนิ่วน้ำดีแบบไม่มีอาการ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน คนอ้วน เป็นต้น)

3. เมื่อตรวจพบว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบ แพทย์จะรักษาด้วยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกไป หลังผ่าตัดใหม่ ๆ ผู้ป่วยบางคนอาจมีปัญหาการย่อยไขมันได้ ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเดิน หรือถ่ายเหลวบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกินอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัว ทำให้อาการทุเลาไปได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ ระหว่างที่มีอาการ แนะนำให้ผู้ป่วยงดกินอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน ควรกินผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มาก ๆ

หน้า: [1] 2 3 ... 81




























































กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

ไม่รู้จะขายอะไรดี
อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า

หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ